ผมลองพิมพ์บันทึกช่วยจำเป็นแนวข้อสอบเล่นๆนะครับ เผื่อปีหน้ามีโอกาสได้มาอ่านอีก หรือเผื่อใคร search google มาเจอ จะได้จำได้ว่ามันออกประมาณไหน
ข้อสอบนักบินแอร์เอเชีย 2556 รอบแรก
แบ่งเป็น 3 part คือ
1. basic knowledge 100 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน ประกอบด้วย
- physics 40 ข้อ
- math 40 ข้อ
- ความรู้ทั่วไป 20 ข้อ
2. english 50 ข้อ ข้อละ 40 คะแนน ข้อละ 2 คะแนน ประกอบด้วย
- listening 40 ข้อ
- reading 10 ข้อ
3. aptitude test 100 ข้อ (น่าจะ)ข้อละ 1 คะแนน ประกอบด้วย
ทุกวิชาไม่คิด accuracy คือตอบผิดไม่ติดลบครับผม
ส่วนแรก basic knowledge ให้เวลาถ้าผมจำไม่ผิดรู้สึกจะ 90 นาที ก็ตกราวๆข้อละ 1 นาที
ปีนี้เป็นปีแรกที่เป็นภาษาไทย(โคตรดีใจอ่ะครับ) ก็ถือว่าช่วยคนที่โง่ๆภาษาอังกฤษอย่างผมได้ดีทีเดียว เพราะตกข้อละ 1 นาที ถ้าเป็นภาษาอังกฤษกว่าจะแปลออกคงกินเวลาไปแล้วครึ่งนาทีแหงๆ
- Physics ระดับความยากปีนี้ง่ายกว่า Entrance พอสมควรครับ(พอดีรุ่นผมสอบแต่ Ent' อ่ะครับ เลยไม่รู้ว่าพวก O-Net, A-Net เป็นอย่างไร)
โจทย์เป็นแบบชั้นเดียวจริงๆ เช่น
- แทน PV = nRT ก็ออกเลย(แต่ค่าคงตัวของพลังค์ไม่ได้ให้มานะครับ ต้องจำได้เอง)
- แทน Q=mcเดลต้าt ก็ออกเลยเช่นกัน(ไม่ต้องเปลี่ยนสถานะ หรือมีภาชนะใส่มาด้วย)
- ข้อพวกเลนส์ก็ให้ f มา ให้ s มา หา s' กันตรงๆ
- แรงลอยตัวก็ให้ความหนาแน่นวัตถุมา แล้วถามจะจม(หรือลอยสักอย่าง)กี่ %ของปริมาตร
- ฟิสิกส์อะตอม ก็เอาเลขมวลหรือเลขอะตอม บวกแล้วหากันตรงๆ
- เสียงดัง x dB กระจกกรองเสียงได้ 99% จะเหลือดังกี่ dB
การเคลื่อนที่อาจจะ 2 ชั้นนิดนึง แต่เป็น 2 ชั้นตรงๆครับ เช่น
- บ่อน้ำลึก xx m ปล่อยเหรียญลงบ่อใช้เวลา 2.05 วินาที ถึงจะได้ยินเสียง จงหาความเร็วเสียง
- บอลลูนลอยด้วย v m/s คงที่นาน x s ปล่อยหินลงมาถึงพื้นในเวลา y s จงหา v
- ทหารยืนอยู่บนความสูง xxx m ยิงปืนด้วยความเร็ว yy m/s ทำมุม 45 จงหาเรือของศัตรูว่าอยู่ห่างไปเท่าไหร่
มีออกแทบทุกเรื่อง แต่ไม่ลึกครับ ถ้าใครคล่องๆหน่อยก็สบายตัวไป ผมว่าพวกวิศวะนี่น่าจะสบายๆครับ แต่ผมเพิ่งมาฟื้นไม่ถึงเดือนอ่ะนะครับ ก็ทุลักทุเลพอสมควร
อ้อ บางที choice ก็ช่วยเยอะครับ ไม่ค่อยหลอกแบบ Ent(คือบางทีหลงโจทย์ไปแล้ว พอหาคำตอบไม่ได้ มาทวนดูใหม่ อ้าว ไม่มี choice รองรับ) เช่น กฏของ Bernoulli ที่ถามความเร็วลมหรือแรงที่กระทำกับปีกเครื่องบิน คือเราจะทราบดีอยู่แล้วว่าความเร็วใต้ปีกเครื่องบินจะต่ำกว่าความเร็วเหนือปีกเครื่องบิน และสลับกับความดันและแรง พอไปดู choice ก็จะตัดได้ 2 ข้อ(คิดไม่ออกก็มั่วเอา) หรือข้อแรงตึงเชือกที่ TcosX = 10 ซึ่ง T มันต้องออกมา >= 10 อยู่แล้ว เป็นต้นครับ
ไม่มียากแบบพื้นฐานวิศวะ จริงๆระดับ Ent ผมว่ายังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ ไม่มี cross vector ไม่มีความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก ไม่มี doppler ไม่มีสปริง
แต่ผมรู้สึกเองว่าไม่มีคำตอบหลายข้อเหมือนกันครับ(หรือไม่ผมก็คิดผิดนะ)
-Math อันนี้ก็ถูกปรับความยากให้ต่ำลงมาพอๆกับฟิสิกส์ครับ ถ้าจะพูดจริงๆคือความยากระดับ ม.ต้น ผมว่าผมพิมพ์ไม่ผิดครับ มัน ม. ต้นจริงๆ
ไม่มี set ไม่มีจำนวนจริง ไม่มีค่าสัมบูรณ์ ไม่มี matrix ไม่มีภาคตัดกรวย ไม่มีจำนวนเชิงซ้อน ไม่มีแคลคูลัส ไม่มีดิฟหรืออินทิเกรต ไม่มี exponential/log ไม่มีอนุกรม ไม่มีตรีโกณ(พวก sin(A+B) = sinAcosB + cosAsinB ไม่ได้ใช้เลยครับ) ตรรกศาตร์ไม่แน่ใจ แต่ผมคิดว่าไม่มี
ในเมื่อไม่มีพวกนี้ ผมว่ามันไม่ถึง ม.ปลายก็ถูกแล้วครับ
- ตรีโกณก็ออกมุมที่รู้จัก 30 45 60 แทนค่าก็ออกเลยครับ
- ตรีโกณประยุกต์ไม่ยากมากครับ เช่น ยืนมองเสาธงเป็นมุม 30 องศา เดินไปอีก 400m มองเป็นมุมเงย 60 องศา เสาธงสูงกี่เมตร
- ความน่าจะเป็นไม่โหดร้ายแบบ ยืนชายสลับหญิงเป็นวงกลับโดยที่ XXXXX ได้กี่วิธีแบบนี้ไม่มีครับ
- บวกลบเลขกันตรงๆหลายข้อมาก ส่วนมากตัดกันลงตัวหมด
- สถิติ ให้ข้อมูลดิบมา พวกหาความแปรปรวน หรือ mean, median, mode ไม่มีออกครับ ซึ่งหาข้อมูลดิบ ใช้พื้นฐานคณิตศาสตร์ธรรมดาก็พอทำได้ครับ
- มีข้อนึงให้กราฟวงกลมมาเป็นส่วนประกอบของอาหารอะไรสักอย่าง ส่วนแรกมีมุม 144องศา(ไม่มั่นใจตัวเลขนะครับ) ที่เหลือเป็น 9x 2x และ x ก็ถามไปเรื่อยๆ 4 ข้อว่าส่วนประกอบนี้หนักกี่กรัม ถ้าอาหารนี้หนักเท่านี้ อันนี้จะหนักกี่กรัม อันนี้ทำสบายๆครับ
โดยรวมผมว่า Math และ Physics น่าจะง่ายลงเยอะ(เพราะผมไม่เคยสอบปีอื่นอ่ะนะครับ) ทั้งเป็นภาษาไทย ระดับความยาก แต่ผมก็ว่าเหมาะสมแล้วครับ เพราะเลขกับฟิสิกส์เฉลี่ยข้อละ 1 นาทีต้องอ่านแล้วแก้สมการออกมาเลย ถ้าเอายากขนาดแคล 1 หรือฟิสิกส์วิศวะ เกรงว่าจะไม่ทัน 1 นาทีครับ อย่ายากกว่านี้เลย
p.s. ผมพูดเหมือนง่าย แต่ผมก็ทำไม่ทันนะครับ บางข้อทำไม่ได้ด้วย
- ส่วนความรู้รอบตัวนี่แล้วแต่บุญกรรมที่ทำมาล่ะครับ เพราะโพสแนวข้อสอบไปก็ใช่ว่าจะเอามาประยุกต์ได้ เช่น
- คุณชายพุฒิภัทรทำอาชีพ
- เหตุการณที่อียิปต์ในเดือน กค นี้คือ
- การที่คนไทยต่อยกันในกีฬาแบต บทลงโทษคือ(ลงโทษใคร และโทษเท่าไหร่)
- เหตุการณ์ยึดรถหรูมีสาเหตุมาจาก
หรือข้อที่อาจจะต้องผ่านๆตามาคือ
- ประธานบริษัทของ AAV คือ
- AAV มีชื่อย่อในตลาดหุ้นว่า
- AAV ก่อตั้งในปี
- AAV ได้รับมอบ Boeing 737 ตอนแรกกี่ลำ
ซึ่งคนที่ความรู้รอบตัวน้อยๆอย่างผมก็มั่วกระจายครับ(เยอะมากขอบอก)
2. English
- เน้น listening ครับ มี 40 ข้อ แบ่งได้เป็น 2 part คือ
2.1 direction 10 ข้อ คือโจทย์จะอ่านคำถามและ choice ให้เราทั้งหมดครับ แต่จะเป็นประโยคสั้นๆ
2.2 conversation 30 ข้อ เรื่องละ 3 ข้อก็ 10 เรื่องครับ คือเป็น conversation ย่อๆให้เราฟัง แล้วเลือก choice ในกระดาษคำถามครับ ตรงนี้ก็ลูกเล่นเดิมๆคืออ่านคำถามไว้ก่อนคร่าวๆ จะพอเดาเนื้อเรื่องที่จะต้องจับได้ในระดับนึง
ตรงนี้เค้าจะเปิดให้ฟัง 2 รอบ คหสต คือช่วยได้มาก สำหรับคนหูหนวกภาษาอังกฤษแบบผม เพราะฟังรอบแรกมันจะยังงงๆเหมือนติด stun รอบที่ 2 จะพอรู้เรื่องราวมากขึ้น ก็จะ key word ได้ดีขึ้นครับ
- reading มี 10 ข้อ ก็คือข้อสอบภาษาอังกฤษทั่วไปนี่แหละครับ พวก grammer เช่น preposition, conjunction, infinitive, wording, tense
ระดับความยากภาษาอังกฤษสำหรับคนโง่ๆอย่างผม ผมว่าพอทำได้บ้างครับ ส่วนคนเก่งๆนี่น่าจะสบายเค้าเลย แต่ผมก็ถูๆไถๆอีกเช่นเดิม(จะผ่านไหมเนี่ย
)
3. aptitude test อันนี้ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ในหนังสือที่ผมอ่าน เค้าบอกว่า aptitude คือ - how quickly or easily u will be able 2 learn in the future ครับ ส่วน ability คือ able ณ ปัจจุบัน(เท่มะ)
ผมจำไม่ได้ว่ามี aptitude แบบไหนบ้าง ถ้าจำไม่ผิดมีสอบแค่ 3 แบบคือ form perception, spatial aptitude และ numerical aptitude ครับ(ไม่มี verbal aptitude นี่ดีใจมากๆ)
หลักการสอบคือจะแจกข้อสอบทีละ part และกำหนดเวลาสั้นๆใน part นั้นๆ หมดเวลาก็เก็บกระดาษคำถามแล้วแจกชุดใหม่ รู้สึกจะมี 6 ชุดครับ(แต่ละชุดข้อไม่เท่ากัน)
- ชุดแรก 15 ข้อ(รู้สึก 4 นาที) มีหน้าปัดรูปวงกลม สี่เหลี่ยม สีขาวและดำ(สรุปมีรูป 4 แบบ) วางเรียงกันแบบ 3X3(เรียงยังงัยก็ได้) แต่ละรูปจะมีเข็มชี้ที่หน้าปัดแตกต่างกัน ก็ดูโจทย์ว่าถามรูปไหน ก็ใส่คำตอบไปก็จบ
อันนี้ถ้าทำทันและไม่อ่านโจทย์ผิดยังงัยก็เต็มครับ แต่ประเด็นคือจะทำไม่ทันหรือสะเพร่ากันเยอะ เพราะโจทย์จะมีลูกเล่นถามทั้ง black angular รูปที่ 3 บ้าง เป็น angular เฉยๆบ้าง หรือหน้าปัดให้เลขมาไม่ครบบ้าง ประมาณนี้ครับ
- ชุดที่ 2 พับลูกเต๋า 15-20 ข้อ(จำไม่ได้)(7-8 นาที) อันนี้ตรงไปตรงมา ฝึกภาพ 3 มิติครับ ว่าลูกเต๋าที่คลี่ออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าพับจะเป็นแบบไหน บอกตรงๆ ทำไม่ทันครับ ใช้พลังจินตนาการเยอะมาก
- ชุดที่ 3 15-20 ข้อ(จำไม่ได้) 10 นาที เป็นภาพ 3 มิติอยู่ในกล่องใสๆ และให้มาอีกรูปนึงมา ถามว่าต้องเดินจากรูปแรกไปด้านไหนถึงจะได้รูปที่สอง(เดินได้ 6 มิติคือหน้า หลัง ซ้าย ขวา บน ล่าง แต่มี 4 choice ครับ) อันนี้ผมว่ามันเอาภาพสีมา print ขาวดำทำให้ดูลำบาก และต้องใช้พลังการจินตนการสูงพอๆกับชุดที่ 2 ครับ สรุปทำไม่ทันยิ่งกว่าชุดที่ 2 จ้า
- ชุดที่ 4 20 ข้อมั๊ง จำเวลาไม่ได้ รู้สึกจะ 10 นาที spatial apt คือจะให้รูปมา 8 รูป 3X3 แล้วให้เติมรูปที่ 9 ซึ่งอาศัยหาความสัมพันธ์ครับ ตรงนี้หาช้าไป ทำไม่ทันอีกตามเคย แป่วๆๆๆๆๆ
- ชุดที่ 5 numerical apt 15 ข้อ 8 นาที ให้คิดเลขโดย"ห้ามทด"ครับ(ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษนะครับ) เลขก็ไม่โหดร้ายมาก เช่น 4 ชมมีกี่วินาที, 2880 นาทีเป็นกี่วัน, A อายุมากกว่า B 15 ปี 2 คนรวมกันได้ 65 ดังนั้น B อายุ, 75% ของ 444, ตอนนี้ 22:35 น ก่อนหน้านี้ 150 นาทีเป็นเวลา ฯลฯ ประมาณนี้ครับ ซึ่งไม่ยากแน่นอน แต่คิดกันได้และทันหรือเปล่าแค่นั้นล่ะครับ
- ชุดที่ 6 numerical apt 15 ข้อ น่าจะ 8 นาทีเท่ากัน ให้ประมาณค่าตัวเลขในสมการครับ ซึ่งส่วมมากจะทำการบวก ลบ คูณ หารกัน 3 ตัว เช่น 458700 - 9540 หาร 84
ซึ่งผมแอบขอตำหนิว่าบางทีน่าจะใส่วงเล็บแยกกันนิดนึงครับ เพราะโจทย์มาแบบนี้ไม่รู้จะทำอะไรก่อน บางข้อเอามาหารก่อน บางข้อเอามาลบกันก่อน ถามว่าตรงนี้แยกได้ยังงัย ก็ดูจาก choice ครับ choice ช่วยเยอะมาก คือดูหลักใน choice แล้วพอเดาได้ว่าหลักแบบนี้ต้องทำอะไรก่อน ถือถ้าใน choice คำตอบเป็นหลักหมื่นก็แสดงว่าหารทีหลัง แต่ถ้าใน choice เป็นหลักแสนก็แสดงว่าหารกันก่อน ประมาณนี้ครับ(ไม่มี choice กำกวม ตรงนี้ขอชมครับ)
โดยรวมเท่าที่ผมจำได้ก็ประมาณนี้ล่ะครับ ใครจำอะไรได้เพิ่มจะมาเติมให้ผมก็ได้นะครับ
p.s. ถ้าโชคดีผมคงได้ไปเจอกับท่านอื่นๆเดือนหน้านะครับ แฮะๆ