เล็งดอนเมืองเป็นศูนย์ซ่อม-คาร์โก้

[peng_117]

เล็งดอนเมืองเป็นศูนย์ซ่อม-คาร์โก้ [7 ม.ค. 52 - 06:34]

นาย โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายที่จะให้สนามบินดอนเมืองเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงและคลัง สินค้า (คาร์โก้) ขณะที่ในส่วนการขนส่งผู้โดยสารนั้นจะให้มีเพียงสนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียว เท่านั้น ทั้งนี้ การทำสนามบินเดียวถือเป็นนโยบายของรัฐมนตรีเพื่อลดภาระการใช้จ่ายของรัฐบาล และตั้งใจจะทำให้สนามบินดอนเมืองเป็นศูนย์ซ่อม เป็นคาร์โก้ แบบเหมาลำ ก็มาลงตรงนี้

 

“นโยบายที่จะให้มีสนามบินเดียวดังกล่าวจะไม่กระทบต่อแผนการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 โดยยังต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้”

 

ส่วน กรณีการตั้งนายศรีสุข จันทรางศุ เป็นประธานคณะทำงานด้านการขนส่งทางอากาศและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับคดีการจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ ซึ่งนายศรีสุข เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วยนั้น ก็เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่ต้องให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนเรื่องการทำงานนั้นเชื่อมั่นว่า นายศรีสุขจะทำงานตามนโยบายได้ ซึ่งหลังจากนี้ก็คงต้องมาดูว่า เมื่อมอบหมายนโยบายไปแล้ว จะทำสำเร็จหรือไม่ทั้งนี้ได้มอบนโยบายให้นายศรีสุข รับผิดชอบเรื่องการขนส่งทางอากาศ ทั้งการบิน และสนามบิน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในธุรกิจการบินของประเทศ รวมทั้งเรื่องการรักษาความปลอดภัยในสนามบิน

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า นโยบายการพิจารณาทบทวนการเปิดใช้สนามบินดอนเมืองเป็นศูนย์ซ่อมบำรุง และคลังสินค้านั้นเป็นการนำทรัพย์ของของบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.กลับมาสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและเป็นการเตรียมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีสนามบินสุวรรณภูมิไม่สามารถใช้การได้.

ข่าวจากไทยรัฐ

[DuraSail]

ข่าวจาก ผู้จัดการรายวัน 12 ม.ค. 2552

AOC แนะแก้ปัญหารันเวย์แท็กซี่เวย์พังก่อนดันสุวรรณภูมิเป็น Single Airport

           AOC เสนอคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาเครือข่ายการขนส่งทางอากาศ เร่งแก้ปัญหา 3 ด้าน ก่อนย้ายสายการบินกลับสุวรรณภูมิใช้ Single Airport โดย ต้องแก้ปัญหาและวางแผนรันเวย์ - แท็กซี่เวย์ ชำรุดให้เรียบร้อยก่อน เหตุกระทบต่อศักยภาพการให้บริการโดยตรง ขณะที่ผิวทางขับ (แท็กซี่เวย์) ยังชำรุดไม่หยุด ทอท.เริ่มทยอยปิดซ่อมอีก 10 จุด พร้อมแนะ ทอท.ลดค่าใช้จ่ายสนามบินช่วยสายการบินโยกต้นทุนทำโปรโมชันดึงนักท่องเที่ยว


            นายชัยวัฒน์ นวราช ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (AOC) เปิด เผยว่า ผู้ประกอบการสายการบินจะนำเสนอปัญหาต่อที่ประชุมคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนา เครือข่ายการขนส่งทางอากาศ ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) วันนี้ (12 ม.ค.) 3 ประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ 1.ปัญหารในการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2.ปัญหาด้านต้นทุนค่าใช้จ่ายที่กระทบต่อสายการบินโดยตรง และ 3. ปัญหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้โดยสารที่เป็นกรุ๊ปทัวร์


            นอก จากนี้ ทางภาครัฐจะต้องสร้างความมั่นใจให้กับทั้งสายการบินและนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเดินทางมายังประเทศไทย ว่ามีมาตรการในการดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้กระทบต่อการทำงานของสาย การบินหรือต้องไม่มีการปิดสนามบินเกิดขึ้นอีก


            นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ทอท.ควรเร่งแก้ปัญหาของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่มีมาตั้งแต่เปิดใช้ปี 2549 ซึ่ง ที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขมาบ้างแล้ว เช่น ปัญหาภายในอาคารผู้โดยสาร เรื่องห้องน้ำ พื้นที่ร้านค้าต่างๆ ที่กระทบต่อการอำนวยความสะดวกของผู้โดยสาร รวมไปถึงปัญหาความสำคัญ คือ การชำรุดของทางขับ (แท็กซี่เวย์) และทางวิ่ง (รันเวย์) รวมถึงลานจอดเครื่องบินที่ยังต้องมีการปิดพื้นที่เพื่อซ่อมแซมอยู่เป็นระยะๆ โดยขณะนี้มีแนวคิดเพิ่มเติมว่าจะมีการปรับปรุงพื้นผิวทางขับเข้าลานจอด เครื่องบิน (แท็กซี่เลน) จากพื้นผิวแอสฟัสต์ ที่มีปัญหาชำรุดบ่อย เป็นผิวคอนกรีต


            ทั้ง นี้ หานโยบายกระทรวงคมนาคมและคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาเครือข่ายการขนส่งทาง อากาศที่มีนายศรีสุข จันทรางศุ เป็นประธาน ต้องการย้าย 3 สาย การบินที่ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศที่ท่าอากาศยานดอนเมืองกลับมายังท่า อากาศยานสุวรรณภูมิ และปิดการให้บริการเที่ยวบินประจำที่ดอนเมือง เพื่อใช้ดอนเมืองสำหรับธุรกิจด้านศูนย์ซ่อมบำรง และมีการให้บริการเฉพาะเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) และแบบ Private Jet เท่านั้น กระทรวงคมนาคมและ ทอท.ควรแก้ปัญหาและวางนโยบายเกี่ยวกับเรื่องการชำรุดของรันเวย์แท็กซี่เวย์ให้เรียบร้อยก่อน


            ส่วน ประเด็นที่จะช่วยฟื้นฟูธุรกิจการบินเร่งด่วนในขณะนี้ นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ทอท.ควรเร่งพิจารณาลดค่าใช้จ่ายในการใช้สนามบินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ สายการบิน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปิดสนามบินและวิกฤตการเงินโลกทำให้จำนวนผู้ โดยสารเฉลี่ยลดลงประมาณ 20% ซึ่งจะช่วยให้สายการบิน สามารนำค่าใช้จ่ายที่ได้รับส่วนลดจากทอท. ไปดำเนินงานทางด้านการตลาด การจัดทำโปรโมชัน เพื่อสร้างแรงจูงใจต่อผู้โดยสารให้กลับมาใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เป็นกรุ๊ปทัวร์ จากจีน เกาหลี ที่ยังกังวลกับเหตุการณ์ปิดสนามบินอยู่


            แหล่ง ข่าวจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกล่าวถึงแผนการซ่อมแซมรันเวย์ แท็กซี่เวย์ และลานจอดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2552 เป็นต้นไป จะมีการทยอยการซ่อมแซมพื้นผิวบริเวณทางข้าม (แท็กซี่เวย์) กว่า 10 จุด โดยจะมีการปิดพื้นที่ทางขับ เพื่อซ่อมผิวแต่ละจุดเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตร ใช้เวลาละประมาณ 1 สัปดาห์ซึ่งแม้จะเป็นพื้นที่ใหญ่แต่จะไม่กระทบต่อการให้บริการ เพราะทางขับมี 2 เลน สามารถจัดจราจรได้ ทั้งนี้ ปัญหาที่ทำให้ทางขับมีการชำรุดมากเกิดจากสาเหตุหลายประการ ทั้งน้ำใต้ดิน แรงกดดันของล้อเครื่องบิน และผิวเป็นแอสฟัสต์ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการสำรวจความเสียหายแต่ละจุดเพื่อวางแผนการซ่อมแซมไว้ เรียบร้อยแล้ว

[DuraSail]

ข่าวจาก มติชน 13 ม.ค. 2552

ดึงสายการบินหนุนซิงเกิลแอร์พอร์ต

            นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง "การ ฟื้นฟูและพัฒนาเครือข่ายการขนส่งทางอากาศเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการ บินพลเรือนในภูมิภาค" เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการขนส่งทางอากาศ ว่าจากการรับฟังความคิดเห็นและปัญหา สามารถสรุปได้ 4 เรื่องคือ 1.เรื่องการใช้นโยบายสนามบินเดียว หรือซิงเกิลแอร์พอร์ต ที่จะช่วยลดต้นทุนของสายการบิน 2.ความกังวลใจของเอกชนเรื่องการปิดสนามบิน โดยเสนอให้หามาตรการสำรองเผื่อเกิดเหตุอีก 3.ต้องปรับปรุงมาตรการด้านกฎระเบียบและกฎหมายให้บังคับใช้อย่างเต็มที่ และ 4.นโยบายสนับสนุนภาคเอกชนให้อยู่ได้ในช่วงภาวะวิกฤตหลังเหตุปิดสนามบิน ทั้งนี้ คาดว่าภายใน 1 เดือนจะมีมาตรการออกมา

            นาย ชัยวัฒน์ นวราช ประธานคณะกรรมการดำเนินการธุรกิจการบิน (เอโอซี) กล่าวว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวยังไม่มั่นใจในประเทศไทย โดยพบว่าจำนวนผู้โดยสารลดลงประมาณ 40% ทั้งนี้ 3 สมาคม คือ เอโอซี สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) และ Board Of Airline (คณะกรรมการสายการบิน) หรือ BAR ได้ยื่นหนังสือถึงนายโสภณให้รัฐช่วยเหลือเอกชน 2 ประเด็น คือ 1.ทบทวนมาตรการความปลอดภัยของสนามบินเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการปิดสนามบินอีก 2.ขอความช่วยเหลือด้านการเงิน แบ่งเป็นมาตรการระยะสั้น (ช่วงมกราคม-ตุลาคมนี้) คือลดค่าแลนดิ้งฟีและปาร์คกิ้งฟี 50% ลดค่าเช่าพื้นที่ทั้งหมด 30% ขยายระยะเวลาการจ่ายเงินเป็น 60 วัน ลดค่านำร่องอากาศยาน 5% (ในส่วนของวิทยุการบิน)

            นายชัยวัฒน์กล่าวว่า มาตรการระยะยาวคือ ลดค่าระบบไฟฟ้า 400 เฮิร์ตที่ให้บริการในเครื่องบิน 30% ยกเลิกค่าธรรมเนียมจ่ายให้ ตม. 200 บาทต่อเที่ยว และ 10 บาทต่อผู้โดยสาร 1 คน ลดค่าเช่าพื้นที่เขตขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศปลอดอากร 30% ปรับ ค่าบริหารทั้งหมดและค่าธรรมเนียมสัมปทานแก่ผู้ใช้บริการรายย่อย ไม่ควรขึ้นค่าบริการต่างๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากไออาต้า เป็นต้น