ยาวมากมาย
ลองอ่านดูนะครับ จะได้เข้าใจหัวอกนักบินการบินไทยครับ
ผมขอทำความเข้าใจให้ผู้ยังไม่รับทราบเกี่ยวกับนักบินการบินไทย
ประเด็นที่ (1) นักบินเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญอย่างไรต่อบริษัทการบินไทย
- นักบินเป็นอาชีพที่อาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ นักบินบริษัทการบินไทยทุกคนผ่านขั้นตอนการคัดเลือกเป็นที่ยอมรับของบริษัท การบินชั้นนำของโลกที่มีน้อยบริษัทจะลงทุนงบประมาณในการคัดเลือกสรรหา บุคลากรเพื่อเป็นนักบิน โดยเฉลี่ยแล้วบริษัทจะต้องใช้จ่ายประมาณ 400,000.-บาทต่อบุคลากรที่ได้รับคัดสรรจำนวน 1 คน ใน แต่ละปีจำนวนบุคลากรที่สอบผ่านได้ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับว่า จะผ่าน Aptitude Test ได้กี่คน บางปีได้ไม่ถึง 40 คน โดยเฉลี่ยประมาณปีละ 60 คน และบริษัทการบินไทยไม่เคยจำกัดจำนวนผู้ที่ผ่านเกณฑ์ Aptitude test เพราะยากที่จะผ่านเกณฑ์ ซึ่งการทำ Aptitude Test ซึ่งมีข้อกำหนดที่สำคัญคือผู้ที่ไม่ผ่าน Aptitude Test จะไม่สามารถสอบ Aptitude Test ได้อีกอย่างน้อย 3 ปี เหตุผลคือ Aptitude ของคนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ ต้องอาศัยเวลา
ประเด็นที่ (2) ทำไมต้องผ่าน Aptitude Test, ใครเป็นผู้ทดสอบ, และมีการทดสอบอะไรบ้าง
- ขั้นตอนการคัดเลือกนักบิน ซึ่งต้องผ่าน Aptitude Test ดังกล่าวมีผลต่อรับการประกันภัยและเบี้ยประกันภัยที่บริษัทฯต้องจ่าย รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร และเป็นการยืนยันจากผู้ทดสอบว่านักบินที่ผ่านการคัดเลือกจะสามารถเป็น กัปตันได้ในอนาคต
- สำหรับผู้ที่ทำการทดสอบคือทีมนักจิตวิทยาระดับปริญญาเอกที่บริษัทประกันภัยที่รับประกันบริษัทการบินไทยยอมรับ
- ส่วนการทดสอบ Aptitude Test อะไรบ้างนั้น มีการทดสอบข้อเขียนช่วงเช้า 4-5 ฉบับ ช่วงบ่าย 4-5 ฉบับ ไม่มีมั่วนิ่ม แต่ละคำตอบต้องมีเหตุผลอธิบายได้ และต้องแข่งกับเวลา สอบเสร็จมึนศีรษะมากแทบจะขับรถกลับบ้านไม่ได้ หลังจากนั้นประมาณ 1-2 วันมีการสอบสัมภาษณ์กับทีมนักจิตวิทยาชุดดังกล่าว เช้า 1 คน บ่าย 1 คน มีการทดสอบการแยกประสาท หูฟัง ตามอง มือทำงาน พร้อมทั้งแยกสมองไปคิดเรื่องอื่นให้ได้ในเวลาเดียวกัน ผู้ที่เรียนเก่งมากๆ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะสอบผ่านเนื่องจากคุณสมบัติไม่เหมาะสม
ประเด็นที่ (3) ลักษณะการทำงาน ความรับผิดชอบ การเลื่อนตำแหน่ง สุขภาพ ชีวิตสังคม ชีวิตครอบครัว ของนักบินการบินไทยเป็นอย่างไร
- ลักษณะการทำงาน วิธีการปฏิบัติงานทุกอย่างเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ในสภาวะปกติ หรือสภาวะฉุกเฉินเช่น หากระบบการทำงานต่างๆ ของเครื่องบินขัดข้อง หรือสภาพอากาศและทัศนะวิสัยไม่ดี ที่ต้องอาศัยการตัดสินใจโดยมีปัจจัยของเวลาและจำนวนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จำกัด รวมทั้งนักบินต้องสามารถทำงานร่วมกันระหว่างนักบิน ช่าง ลูกเรือ หรือเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน ได้เป็นอย่างดี เพื่อที่จะสามารถนำพาผู้โดยสารและทรัพย์สินของบริษัทไปสู่จุด หมายอย่างปลอดภัย นักบินการบินไทยต้องถูกตรวจสอบการทำงานในสภาวะปกติและสภาวะฉุกเฉินทุก 6 เดือน ต้องต่อใบอนุญาตการบินทุกปี ต้องตรวจสุขภาพโดยละเอียดเพื่อต่อใบอนุญาตการบินทุก 6-12 เดือน ถ้าไม่ผ่านการตรวจสุขภาพก็ไม่สามารถต่อใบอนุญาตการบินได้ นั่นหมายถึงชีวิตการบินก็ต้องจบสิ้นลง ต่างจากบางอาชีพเช่น แพทย์ ฯลฯ ที่เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว สามารถใช้ได้ตลอดชีพไม่ต้องมีใครมาตรวจสอบการทำงาน รักษาอาการของโรคตามข้อวินิจฉัย ถึงแม้จะมีผลโดยตรงกับชีวิต แต่ก็ยากที่จะตรวจสอบ
- ความรับผิดชอบ ต่อชีวิตผู้โดยสาร ลูกเรือและตัวนักบินเองที่ประเมินค่าไม่ได้ และต่อทรัพย์สินของบริษัทนับหมื่นล้านบาท รวมทั้งชื่อเสียงของบริษัทที่ประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่า จะเกิดเหตุการณ์ใดก็ตามนักบินก็คือผู้รับผิดชอบอันดับหนึ่ง อาจจะต้องถูกลงโทษต่างๆ เช่น พักงาน หักเงินเดือน งดรับโบนัส งดการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง ไม่พิจารณาผลงานประจำปี ส่วนบริษัทการบินไทยเป็นผู้รับชอบอันดับสองในการชดใช้ค่าเสียหายอาจจะ ผ่านทางบริษัทประกันภัยหรือแล้ว แต่กรณี
การเลื่อนตำแหน่ง ทำงานอย่างน้อย 8-12 ปี เข้าสู่การเลื่อนตำแหน่ง 3 ตอนขั้น 1) บินกับ SVsupervisor 3 เที่ยว บิน SIMsimulator 1 เที่ยว ถ้าไม่ผ่านถูก delay อย่างน้อย 1 ปี ขั้น2) บินกับ SV 6-7 เที่ยว ถ้าไม่ผ่านถูก delay อย่างน้อย 3 ปี
ขั้น3) เปลี่ยนเครื่องบิน ฝึกที่นั่งกัปตัน ถ้าไม่ผ่านถูก delay อย่างน้อย 5 ปี ผ่าน3 ขั้นตอนจึงจะได้เป็นกัปตันของการบินไทย
- สุขภาพ ความเครียดจากข้อจำกัดในการทำงาน ซึ่งเน้นความปลอดภัย ซึ่งหากเกิดข้อผิดพลาดนั่นหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร บริษัทการบินไทย และนักบินเอง, ความเหนื่อยล้า, การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลารวมทั้งอาหารที่รับประทานส่วนใหญ่เป็น อาหารแช่แข็งนำมาอุ่นทาน, การอดหลับอดนอนเป็นประจำ, ต้องปรับเวลาตามโซนเวลาต่างๆ ตลอด เช่น บินกลับจากอเมริกา(ช้ากว่า 12-13 ชั่วโมง) พัก 48 ชั่วโมง เที่ยวบินต่อไปบินไปยุโรป(ช้ากว่า 5-7 ชั่วโมง) พัก 48 ชั่วโมง เที่ยวบินต่อไปบิน ออสเตรเลีย(เร็วกว่า 4-6 ชั่วโมง) ฯลฯ ซึ่งทำให้อายุเฉลี่ยนักบินการบินไทยสั้นลง ปัญหาและสถิติการเสียชีวิตเนื่องจากโรคหัวใจมีสูงมาก หรือการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจมีสูงโดยเฉพาะผู้มีอายุระหว่าง 45-55 ปี ปัญหาและสถิติการเสียชีวิตเนื่องจากโรคเกี่ยวกับลำไส้มีสูงเช่นกัน หรือการผ่าตัดรักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้มีสูงโดยเฉพาะผู้มีอายุระหว่าง 45-55 ปีเช่นกัน และเกือบ 50% ของนักบินที่เกษียร จะเสียชีวิตเนื่องจากสุขภาพก่อนอายุ 70 ปี นักบินเป็นอาชีพที่ร่างกายทรุดโทรมมาก รายได้ที่หามาได้จำนวนไม่น้อยใช้สำหรับรักษาสุขภาพตนเอง
- ชีวิตสังคมของนักบินการบินไทย หากมีนัดหมายต้องบอกล่วงหน้านานๆ จนอาจลืม หรืออาจเปลี่ยนแปลงกะทันหันจนแทบไม่ทันบอกยกเลิก เพื่อนที่ยังคบเราอยู่ทุกวันนี้เคยชินกับเราแล้ว ส่วนนักบินด้วยกันเองบางครั้ง 2-3 ปีถึงจะเจอกัน บางทีเจอกันยังแทบจะไม่มีเวลาทักทายกันเลย
- ชีวิตครอบครัว ส่วนใหญ่คุยทางโทรศัพท์ ถ้าบินโซนภายในประเทศหรือเอเชีย อาทิตย์หนึ่งอาจจะบิน 4-6 วันติด กลับบ้านก็ต้องพักผ่อนเพื่อเตรียมตัววันรุ่งขึ้น ถ้าบินข้ามทวีป 1 เที่ยวใช้เวลา 5-10 วัน กลับบ้านก็ต้องพักผ่อน มีเวลาให้กับครอบครัวน้อย มีโอกาสเกิดปัญหาครอบครัวมาก ซึ่งอาจสร้างความเครียดให้กับนักบินเป็นอย่างมาก
ประเด็นที่ (4) ค่าตั๋วเครื่องบินของการบินไทย จำนวนพนักงานต่อเครื่องบิน และรายได้ของพนักงานการบินไทยเมื่อเทียบต่อบริษัทการบินชั้นนำทั่วไป เป็นอย่างไร
- ค่าตั๋วเครื่องบินของบริษัทการบินไทยไม่ได้แตกต่างจากบริษัทการบินชั้นนำ
- จำนวนพนักงานต่อเครื่องบิน รวมทั้งจำนวนผู้บริหาร (1 DD, 4 SEVPsenior executive vice president, 8 EVP, 32 VP)
สูงกว่าบริษัทการบินชั้นนำทั่วไป 3-4 เท่า
- รายได้ของพนักงานทั่วไป ต่ำกว่าบริษัทการบินชั้นนำทั่วไป 2 เท่า รายได้ของพนักงานต้อนรับ ช่าง ต่ำกว่าบริษัทการบินชั้นนำทั่วไป 2.5 เท่า
- รายได้ของนักบิน(เงินเดือน30% + เบี้ยเลี้ยงเดินทาง ใบอนุญาต ค่าล่วงเวลา 32% + โบนัส 10% + ภาษี 28%) ต่ำกว่าบริษัทการบินชั้นนำทั่วไป 3-4 เท่า รายได้ของนักบินบริษัทการบินไทยยังต่ำกว่านักบินในภูมิภาคเช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ บูรไน อินโดนิเชีย หรือแม้กระทั่งเวียดนาม
ประเด็นที่ (5) มติของบอร์ดบริหารการบินไทยเมื่อวันที่ 20 เม.ย.นี้เกี่ยวกับบัญชีเงินเดือนใหม่เป็นอย่างไรสร้างความสับสนหรือซ่อน เงื่อนเช่นไร
- ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ตามเงื่อนไขในสัญญาว่า จ้างบริษัทเป็นผู้ออกภาษีให้พนักงานดังนั้นจึงถือว่า ภาษีที่บริษัทออกให้เป็นรายได้ส่วนหนึ่งของพนักงาน และบริษัทไม่เคยปรับบัญชีเงินเดือนให้กับนักบินเป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว ใน แต่ละปีนักบินได้ขึ้นเงินเดือนตามขั้นเฉลี่ยไม่ถึง 5% อัตราเงินเฟ้อ 5-6% ไม่ต่างจากการถูกลดเงินเดือน และให้สัญญาเสมอมาว่า จะปรับบัญชีเงินเดือนให้ ซึ่งเป็นการซื้อเวลามาตลอด ในสภาวะที่วิกฤติไม่ว่า จะเป็น การลอยตัวค่าเงินบาท โรคซาส์ โรคไข้หวัดนก หรือน้ำมันแพง บริษัทร้องขอให้นักบินช่วย เช่น ปรับตารางการบิน ซึ่งกระทบโดยตรงกับรายได้และเวลาพักของนักบิน การขอลดวันพักที่ต่างประเทศเช่น ให้พักที่ยุโรป 24 ชั่วโมง หรือในปัจจุบันที่ อเมริกาให้พัก 24 ชั่วโมง ฯลฯ หรือการช่วยกันประหยัดการสั่งน้ำมัน ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และประสิทธิภาพของนักบิน ซึ่งเพิ่มความเครียดให้กับนักบิน นักบินก็ให้ความร่วมมือบริษัทตามการร้องขอด้วยดีเสมอมา นักบินและพนักงานต้องการความจริงใจจากบอร์ด ตามข้อตกลง ไม่ใช่การซื้อเวลา สร้างความสับสน หรือการซ่อนเงื่อนไขทีไม่ได้ตกลงกันไว้ก่อนโดยอาศัยช่วงเวลาแห่งการรอคอย ของพนักงานมากำหนดเงื่อนไข แล้วรีบเร่งอนุมัติหรือไม่ต่างจากการบีบให้ยอมรับในมติ
- มติดังกล่าวมีเนื้อหาที่สำคัญคือ มีการอนุมัติใช้โครงสร้างเงินเดือนใหม่ทำให้มีการปรับเพิ่มเงินเดือน พนักงานประมาณ 7-24 % (ยังไม่รวมภาษี) โดยเฉลี่ยนักบินได้เพิ่มประมาณ 10 % (ยังไม่รวมภาษี) แต่มีเงือนไขว่า เงินเดือนในส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นบริษัทจะจ่ายภาษีให้เพียง 20% ส่วน ภาษีที่เกินจาก 20% ให้พนักงานออกเอง จากเดิมที่บริษัทต้องออกให้ตามสัญญาว่า จ้าง, สำหรับเบี้ยเลี้ยงเดินทางบริษัทจะออกภาษีเฉลี่ย(ไม่เป็นที่แน่นอน) ซึ่งจะกระทบกับ ลูกเรือ ช่าง นักบิน และต่อไปในอนาคตจะต้องกระทบกับพนักงานทุกคน ซึ่งหากพนักงานไม่เข้าใจกันก็จะทำให้เกิดการแตกแยก เกิดผลเสียต่อชื่อเสียงและประสิทธิภาพของบริษัท
จะเห็นว่า มติดังกล่าวไม่เป็นผลดีต่อพนักงานเลย คณะกรรมการบริหารขาดความจริงใจ ซ่อนเร้นเงื่อนไข ที่เป็นเหตุให้พนักงานเกิดการแตกแยกภายในอย่างรุนแรง ทำให้มีพนักงานจำนวนไม่น้อยไม่เข้าใจเป็นเหตุให้ขาดความเชื่อถือและขาด การยอมรับในตัวนักบิน ทำให้คิดว่านักบิน ช่าง ลูกเรือ และพนักงานบางส่วนทำให้บริษัทเกิดความเสียหายจากกรณีดังกล่าว โดยส่วนตัวแล้วอยากเห็นพนักงานทุกคนเปิดกว้างรับฟังข้อมูลให้มาก คิดให้มาก ก่อนจะตัดสินใคร
บริษัทการบินไทยเปรียบเสมือนบ้านชายทะเลของ พวกเรา พนักงานเป็นเจ้าของบ้านที่ร่วมกันสร้างบริษัทขึ้นมา พวกเรา แต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบ และความชำนาญแตกต่างกัน บางคนเสี่ยงภัยลงเรือออกไปหาอาหารในทะเล ต้องฝ่าฟันกับพายุคลื่นลมแรง บางคนต้องเสี่ยงปีนขึ้นไปเอามะพร้าวมาให้พวกเรากิน บางคนก็ต้องซ่อมแซมบ้าน บางคนช่วยเก็บกวาดให้สะอาด บางคนทำอาหารอยู่ในครัว บางคนปลูกต้นไม้ ฯลฯ ส่วนคณะกรรมการบริหารเปรียบเสมือนเจ้าหนี้ที่พวกเราไปกู้ยืมเงินเขามา เพื่อหารายได้ตามกรอบที่เขาต้องการ ซึ่งมีทั้งเจ้าหนี้ในระบบบางคนคิดดอกเบี้ยเป็นธรรมรับฟังความเห็น เจ้าหนี้นอกระบบบางคนขาดความเป็นธรรมคอยจ้องจะหาทางขูดรีดรายได้ที่พวก เราไปหามา ครั้งใดที่เจ้าหนี้มาให้คำปรึกษาพวกเราต้องเติมน้ำมันรถให้ แต่ก่อนคนละ 7,000-8,000 บาท เดี๋ยวนี้ไม่พอต้องเพิ่มเป็นคนละ 30,000-50,000 บาท ถ้าเจ้าหนี้คนใดไม่มาเรายังไปเติมน้ำมันให้ถึงบ้าน ไม่รวมค่าห้องพักระดับ VIP พร้อมอาหารระดับหม่อมชวนชิม จะพาลูกเมียมาเข้าพักเมื่อไรก็ได้ตลอดชีพ เลิกเป็นเจ้าหนี้แล้วยังมาพักได้ ยังดีที่เลิกเป็นเจ้าหนี้แล้วเราไม่ต้องเติมน้ำมันให้ เจ้าหนี้บางคนดีหน่อยมาช่วยปลูกต้นไม้ให้ความร่มเย็น บางคนกลับไปแล้วทำบ้านเราสกปรก รกรุงรัง บางคนเข้าห้องน้ำเรี่ยราด พวกเราต้องคอยตามเช็ด ตามเก็บ เพื่อให้บ้านเราสะอาด น่าอยู่
หวังว่า พวกเราจะเห็นใจ ซึ่งกันและกัน ร่วมมือร่วมใจกันทำให้บ้านเราร่มเย็น สะอาดและน่าอยู่ คงไม่ใครที่จะรักบ้านของเรามากไปกว่าพวกเรา