โบรกเกอร์คาด หุ้น THAI ขึ้นถึง 45 บาท

[DuraSail]

THAI บวก 1.36% โบรกฯคาดรับผลจากราคาน้ำมันเริ่มลง-ราคาหุ้นลงไปมากแล้ว

นายฐาปน พานิช นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.การบินไทย(THAI) ปรับตัวขึ้นในเช้านี้ คาดว่าจะเป็นผลจากราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลงแล้ว ทำให้น่าจะเป็นผลดีต่อ THAI และในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้น THAI ปรับตัวลงไปมากแล้ว ดังนั้นวันนี้ก็อาจเป็นการรีบาวน์ขึ้นมาบ้าง ซึ่งก็ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 45 บาท

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นในเรื่องที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในเรื่องที่อาจจะให้ภาครัฐฯลดสัดส่วนการถือหุ้น THAI ลงเหลือต่ำกว่า 50% จากปัจจุบันที่ถือหุ้น THAI อยู่ในสัดส่วน 51% เนื่องจากมีการมองกันว่า THAI ได้ถูการเมืองแทรกแซงมาก จึงอยากจะให้มีการหลุดพ้นตรงนี้ แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่ามีความคืบหน้า ไปถึงไหนแล้ว นักวิเคราะห์ฯ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/54 ของ THAI คาดว่าจะออกมาไม่ดีมาก เนื่องจากรับผลกระทบจากปัญหาภัยพิบัติในญี่ปุ่น และราคาน้ำมันก็ปรับตัวสูงขึ้น แต่เรื่องนี้ตลาดฯก็ได้รับรู้ไปมากแล้ว

ขอบคุณข่าวสารจาก www.ThaiAirways.com
 

[Hakunamatata]

เชื่อนักวิเคราะห์ รับรองรวยกับพี่ DuraSail 

[GForce]

► เราปรับลดราคาเป้าหมายของ THAI 5.1% จาก 48.3 บาทเป็น 45.8 บาทเพื่อสะท้อนการปรับตัวขึ้นของ
ราคาน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงอากาศยาน รวมทั้งการปรับเพิ่มสมมติฐาน risk free rate จาก 4% เป็น
4.25% นอกจากนี้ เรายังได้ปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจาก 85 เหรียญต่อบาร์เรลเป็น
102 เหรียญต่อบาร์เรล และราคาเชื้อเพลิงอากาศยานจาก 99 เหรียญต่อบาร์เรลเป็น 115 เหรียญต่อ
บาร์เรล ส่งผลให้ประมาณการกำไรปกติของ THAI ในปี 2554 ลดลง 10.8% มาอยู่ที่ 8.9 พันล้านบาท
(consensus 1.07 หมื่นล้านบาท) เรายังคงคำแนะนำ Outperform เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันยังมี
upside 14.5% ต่อราคาเป้าหมาย
► ในกรณีเลวร้ายสุด หากราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 108 เหรียญต่อบาร์เรลในปี 2554 ซึ่งจะ
ส่งผลให้ราคาเชื้อเพลิงอากาศยานพุ่งขึ้นเป็น 121 เหรียญต่อบาร์เรล ประมาณการกำไรของเราในปี
2554 จะลดลง 17.7% เป็น 7.5 พันล้านบาท และราคาเป้าหมายจะลดลงมาอยู่ที่ 44.9 บาท
► เราคาดว่าผลกำไรของบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเหมือนในอดีต เพราะ THAI ได้ปรับ
เพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งได้มีการทำสัญญา hedging ไว้แล้ว (แต่ยังมีช่วงเวลาเหลื่อมล้ำ
ประมาณหนึ่งเดือนก่อนที่จะสามารถปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง) โดยค่าเฉลี่ยของรายได้จาก
การขนส่งผู้โดยสารต่อปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (passenger yield) รวมค่าธรรมเนียมน้ำมันเชื้อเพลิง
เพิ่มขึ้นจาก 2.62 บาท/RPK ใน 4Q53 มาอยู่ที่ 2.83 บาท/RPK ในเดือนมกราคม 2554 ขณะที่ THAI มี
การทำสัญญา hedging ไว้ประมาณ 51% ของปริมาณการบริโภคเชื้อเพลิงอากาศยานของบริษัทใน
1Q54 (ที่ต้นทุนเฉลี่ย 100 เหรียญต่อบาร์เรล)
► เรายังคงกังวลว่าผลประกอบการของ THAI ใน 1Q54 อาจอ่อนตัวลง YoY (กำไร 1Q53 อยู่ที่ 1.07 หมื่น
ล้านบาท) เนื่องจากบริษัทมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารลดลงมาอยู่ที่ 77.8% ในเดือนมกราคม 2554
(เทียบกับ 82.0% ในเดือนมกราคม 2553) และ 74% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 (เทียบกับ 82.3% ใน
เดือนกุมภาพันธ์ 2553) ขณะที่ยอดจองในเดือนมีนาคมลดลงเหลือเพียง 70% (เทียบกับ 78.8% ใน
3Q53) เนื่องจาก THAI เสียส่วนแบ่งตลาดให้กับสายการบินจากตะวันออกกลางและสายการบินต้นทุน
ต่ำ นอกจากนี้ เราคาดจะเห็นบริษัทมีกำไรสุทธิลดลง YoY ใน 1Q54 เพราะไตรมาสนี้ไม่มีกำไรจากอัตรา
แลกเปลี่ยนเหมือนปีที่แล้ว (หรืออาจมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหลังยูโรแข็งค่าขึ้นต่อเงินบาท)
► แผนการจัดตั้งสายการบินต้นทุนต่ำใหม่หรือ “Thai Tiger Airways” ยังไม่มีความคืบหน้าเนื่องจาก THAI
ยังรอให้กระทรวงคมนาคมออกใบอนุญาต อีกด้านหนึ่งการเจรจาขอเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในสายการ
บิน Nok Air ยังไม่มีความคืบหน้าเช่นกันเนื่องจาก THAI กำลังพิจารณาปรับลดราคาเสนอซื้อหุ้นใหม่
(เคยเสนอซื้อที่ราคา 30 บาทต่อหุ้น) เพราะกังวลว่าการปรับตัวขึ้นของราคาเชื้อเพลิงอากาศยานอาจ
ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการรวมทั้งราคาของ Nok Air อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังหาวิธีชิงส่วนแบ่ง
ตลาดคืนจากสายการบินต้นทุนต่ำด้วยการออกแคมเปญใหม่ในช่วงโลว์-ซีซั่นของการท่องเที่ยว โดยจะ
ใช้เครื่องบินที่มีอยู่เดิม รวมทั้งพิจารณาซื้อหรือเช่าเครื่องบินลำตัวแคบ (narrow-body aircraft) เพิ่มอีก
11 ลำ (จากแผนเพิ่มจำนวนเครื่องบินรวม 37 ลำ) เพื่อให้บริการสำหรับเส้นทางบินทั้งในประเทศและใน
ภูมิภาค
► THAI ประสบความสำเร็จในการเจรจากับเจ้าหนี้ในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศบางรายเพื่อยกเลิก
เงื่อนไขในสัญญาที่กำหนดให้กระทรวงการคลังต้องถือหุ้นในสายการบินเกิน 50% ขณะที่เจ้าหนี้
ต่างประเทศบางรายที่คัดค้านการแก้ไขข้อกำหนดจะมียอดสินเชื่อรวม 5 พันล้านบาทเท่านั้น บริษัทจึงมี
แผนรีไฟแนนซ์หนี้ดังกล่าวในเร็ว ๆ นี้ โดย THAI จึงมีเงินสดในมือจำนวนมากถึง 3.77 หมื่นล้านบาทใน
สิ้ยปี 2553 และมีแผนจะเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 8 พันล้านบาทในเดือนเมษายน 2554


Paper นี้ ไม่ใช่ของ TISCO ออกวันที่ 8 มี.ค. 54

[GForce]

เพิ่มเติมอีกนิดนึง

"โบรกเกอร์คาด หุ้น THAI ขึ้นถึง 45 บาท" กับ "ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 45 บาท" ไม่เหมือนกันนะครับ


ราคาเป้าหมายหรือ Fair Price คือราคาที่เหมาะสมกับพื้นฐานของหุ้น แต่ราคาในตลาดขึ้นกับ Demand&Supply ครับ ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 90% ราคาเป้าหมายจะสูงกว่าครับ (เพราะถ้าเป้าหมายมันถูกใครจะซื้อหุ้น)

และที่สำคัญที่สุดคือ ราคาเป้าหมายแปลว่าเป้าหมาย ณ สิ้นปี นะครับ ไม่ใช่อีกเดือนสองเดือน