ทำไมดูคนอื่นมีความฝันเป็นเรื่องเป็นราวดีจัง
ความฝันผมค่อนข้างที่จะบ้าๆบอๆนิดนึงนะครับ อ่านไปก็อย่าซีเรียส อย่าหาว่าผมบ้าด้วย
คือผมอยากบินได้ (โครตเพ้อเจ้อเลย
) ผมคิดว่าตอนเด็กๆทุกคนโดยเฉพาะเด็กผุ้ชายก็น่าจะเคยมีความคิดแปลกๆว่าตัวเองทำนู่นทำนี่ได้
ผมจำได้ว่าตอนอนุบาล ครูถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ผมก็ตอบว่า "อยากเป็นซูเปอร์แมน"
โตขึ้นมาหน่อย ตอนประถม ความเพ้อเจ้อเริ่มลดลง(นิดนึง) ไม่ได้อยากเป็นซูเปอร์แมนแล้ว
ทุกวันพฤหัส ที่โรงเรียนจะให้นักเรียนนั่งสวดมนต์ ซึงผมเรียกว่าสวดมนต์ยาว เพราะมันนานมาก...กกก สวด "องค์ใด พระสัมพุทธ.. " แล้วก็มีบทอื่นอีก แต่จำไม่ได้แล้ว
ช่วงที่สวดไป ผมก็นั่งมองนก มองแมลงปอ แล้วก็คิดว่า ถ้าเป็นตัวเองกำลังบินอยู่แบบนั้น แล้วมองลงมา ความรุ้สึกมันจะเป็นยังไงน๊า คงจะมีความสุขแน่ๆเลย บินไปบินมา หาหนอนกิน
คงจะเป็นตั้งแต่ตอนนั้นล่ะมั้งครับ ที่ผม... อยากบินได้
อยากลอยไปบนฟ้า อยากบินได้เหมือนนก หรือติดคอปเตอร์ไม้ไผ่แล้วบินแบบโดเรม่อน (มันก็ยังเพ้อเจ้ออยู่เหมือนเดิม)
จนถึงตอนนี้ ผมก็ไม่รุ้ว่าทำไมความคิดแบบนั้นมันยังอยู่ในหัวผมอีก ที่ว่า ผมอยากจะบินได้ คงจะดูหนังพวกยอดมนุษย์มากไป
แต่มีวันนึง ผมนั่งดูทีวีอยู่ วันนั้นท่าน ว.วชิรเมธี มาเป็นแขกให้สัมภาษณ์.. แล้วพิธีกรถามคำถามอะไรผมจำไม่ได้แล้ว แต่ท่านตอบกลับไปประมาณว่า
"คนสมัยก่อนน่ะ สมัยที่ไม่มีรถ ไม่มีเครื่องบินคิดว่าเค้าเดินทางกันยังไง คนที่เค้าพัฒนาจิตจนถึงขั้นสูงสุดแล้วน่ะ เค้าบินกันได้นะ"
ผมก็อึ้งไปแปปนึง แล้วก็คิดว่า พระคงไม่โกหก.. คนก็บินได้ ตูไม่ได้เพ้อเจ้อนี่หว่า
เล่าๆไปเหมือนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเลย ไม่รุ้มันเกี่ยวกันยังไงเหมือนกัน สรุปก็คือว่า ผมอยากจะสัมผัสถึงความรุ้สึกแบบนั้น ความรุ้สึกที่เหมือนได้ลอยอยู่บนฟ้า
มองออกไปเห็นก้อนเมฆลอยตุ๊บป่องๆ แล้วก็เส้นขอบฟ้าไกลลิบๆ แต่ในเมื่อมนุษย์ปกติแบบผมบินแบบนั้นไม่ได้ ไม่บรรลุฌาณขนาดที่จะลอยได้
แล้วก็ไม่มีตังค์จะไปซื้อjet pack มาเล่นเองที่บ้าน ก็เลยมาขับเครื่องบินดีกว่า ถึงจะบินตามอัธยาศัยไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังรุ้สึกได้ว่า เรามีอำนาจควบคุม
อ่านแล้วเข้าใจยากนิดนึงนะครับ ผมอ่านเองยังมึนกับความคิดตัวเองอยู่เลย เหมือนที่พี่โน้สพูดในโฆษณาน้ำขวดออกใหม่รสชาติประแล่มๆนั่นแหละครับ .. ลึกซึ้ง