เพิ่มเติมรายละเอียดส่วนตัวของกับตันสรเดชสักนิด จากการ interview เว็บนี้ http://guideubon.com/news/view.php?t=99&s_id=14&d_id=14
ทุกคนอ่านแล้วจะได้มีกำลังใจ สู้ต่อไป...
และเป็นที่มาให้ผมได้รู้จักเว็บสักนิด
จะดีแค่ไหน...หากสิ่งที่คุณฝันไว้ในวัยเด็ก เกิดขึ้นและเป็นจริงในสักวัน
กัปตัน สรเดช นามเรืองศรี กัปตันบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บุรุษสายเลือดอุบลฯ แต่เติบโตที่กรุงเทพฯ คือผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตกับอาชีพนักบิน งานที่หลายต่อหลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น แต่สิ่งที่ได้มามิใช่มีผู้หยิบยื่นให้อย่างง่ายดาย หากแต่มาจากความสามารถและความตั้งใจที่ไม่เคยแผ่ว บวกกับความขยันและรักในการเป็นนักบินด้วยใจจริง
นักบินเป็นอาชีพในฝันของกัปตันหรือเปล่าคะ
“ด้วยความที่คุณพ่อเป็นทหารอากาศ ผมเห็นคุณพ่อแต่งเครื่องแบบ ผมก็อยากใส่บ้าง ดูมันเท่มาก ตอนเด็กๆ บ้านพักเราอยู่ใกล้สนามบิน ผมก็เห็นเครื่องบินขึ้น-ลงตลอด ตั้งแต่นั้นผมก็ฝันอยากจะเป็นนักบิน ตอนนั้นผมตั้งใจมาก ผมเริ่มจากเข้าสาธิตจุฬาฯ ตั้งแต่ ป.1 – มศ.3 ตอนนั้นผมตัวเล็กๆ คิดในใจว่าเราจะไปไหวไหม เพราะเป็นคนขี้โรคด้วย แต่ก็ตั้งใจว่าจะพยายาม พอจบ มศ. 3 ผมลองไปสอบเข้าเตรียมทหาร และเตรียมอุดม ปรากฏว่าได้ทั้ง 2 ที่ แต่ผมไม่ไปเตรียมอุดม รอสอบต่อรอบสองเตรียมทหารปรากฏว่าผ่านหมด ก็เลยได้เป็นนักเรียนเตรียมทหาร พอเข้ามาเขาก็ให้เลือกเหล่า ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศหรือตำรวจ ผมเห็นเครื่องบินตั้งแต่เด็ก ก็เลยเลือกทหารอากาศ กะว่าซักวันจะต้องเป็นนักบินขับไล่ให้ได้ ตอนนั้นมันฮึกเหิมและมันเท่ เราก็เลยเรียนเตรียมทหาร 2 ปีและแยกเหล่ามาเรียนนายเรืออากาศอีก 5 ปี แต่อีกใจก็อยากเป็นวิศวกรโยธา พอดีเขาเปิดสาขาวิศวกรรมโยธารุ่นแรกของโรงเรียนนายเรืออากาศ ผมก็เลยเรียนจนจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมโยธา แล้วเข้าเป็นศิษย์การบินของกองทัพอากาศที่โรงเรียนการบินกำแพงแสน โดยกองทัพอากาศเป็นผู้ออกทุนให้จนสำเร็จการศึกษาเป็นนักบินของกองทัพ
“คุณสมบัติของนักเรียนทุนก็คือต้องเรียนเก่ง เพราะต้องสอบแข่งกัน ผู้ที่จะเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารสมัยนั้นจำได้ว่า 10,000 กว่าคนเอา 500 คน แต่เดี๋ยวนี้การแข่งขันน่าจะสูงขึ้น ผมเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 19 และเลือกเรียนต่อที่โรงเรียนนายเรืออากาศ เพราะอยากเป็นนักบิน พอจบปุ๊บก็ติดยศเรืออากาศตรี เงินเดือนสมัยนั้น 2,750 บาท และก็ไปเรียนที่โรงเรียนการบินกองทัพอากาศอีก 1 ปี ฟรีทั้งหมด ตอนเรียนก็แบ่งเป็นสายไอพ่นกับสายใบพัด สายไอพ่นเขาจะเอาคนที่บินดีและคะแนนดี ผมก็เลยเลือกสายไอพ่น เมื่อสำเร็จการศึกษาก็บรรจุเป็นนักบินประจำกองสังกัดกองบิน1 นครราชสีมา เริ่มต้นบินจากเครื่องบินไอพ่นฝึกหัดแบบ T33 จากนั้นเป็นนักบินขับไล่เต็มตัว ทำการบินกับเครื่องบินแบบ F-5 A/B, F-5 E/F จนกระทั่งได้รับการคัดเลือกให้มาบินแบบ F-16 A/B ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพอากาศ ”
เพราะอะไรจึงได้มาเป็นนักบินการบินไทย
“ผมอยู่กองทัพอากาศกองบิน1 ประมาณ 10 ปี ตั้งแต่เป็นเรืออากาศตรีจนถึงนาวาอากาศตรี ในระหว่างนั้นก็อบรมหลักสูตรต่างๆ ในกองทัพอากาศหลายหลักสูตร เพื่อเพิ่มความรู้ และเป็นนักเรียนเสธ.รุ่น 38 ของกองทัพอากาศ แต่ยังเรียนไม่ทันจบผมก็ลาออกจากกองทัพอากาศเข้าเป็นนักบินของบริษัท การบินไทย ในความคิดของผมการบินในโลกมี 2 อย่างคือ การบินทางทหาร และการบินทางพลเรือน วันนี้เราถึงจุดอิ่มตัวด้านการบินทหาร และได้เป็นนักบินขับไล่ตามที่ตั้งใจไว้แล้ว คราวนี้เราก็หันมาด้านที่ 2 คือด้านการบินพลเรือน นักบินทหารจะทำการบินอยู่ภายในประเทศ แต่นักบินพลเรือนจะได้โกอินเตอร์ เราได้เจออะไรมากขึ้น เหมือนเหรียญที่ได้เห็นทั้งด้านหัว ด้านก้อย อันนี้ถือว่าเป็นโชคดีของผม รวมเวลาที่เป็นนักบินของกองทัพอากาศ 10 ปี และก็มาเป็นนักบินพาณิชย์อีก 15 ปี รวมชีวิตการเป็นนักบิน 25 ปี”
นักบินทั้ง 2 แตกต่างกันอย่างไร
“จุดที่เหมือนคือทักษะการบินและความรับผิดชอบ แต่จุดที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ นักบินทหาร ภารกิจต้องมาก่อน หากมีคำสั่งให้เราไปรบ อันตรายไม่ต้องถาม ตัวตายไม่ว่า ภารกิจต้องทำให้สำเร็จ เพราะเราถูกฝึกมาเพื่อป้องกันประเทศ แต่นักบินพลเรือนความปลอดภัยต้องมาก่อน เรามีกฎข้อหนึ่งว่า ในกรณีฉุกเฉิน...หลังจากที่ทุกคนออกจากเครื่องบินด้วยความปลอดภัยแล้ว กัปตันจะต้องเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกจากเครื่องบิน...ซึ่งผมภูมิใจในหน้าที่ และความรับผิดชอบตรงนี้มาก”
“แต่ถ้าพูดถึงความเสี่ยง นักบินทหารน่าจะเสี่ยงมากกว่า เพราะเป็นการบินในท่าบินที่ไม่ปกติ แต่ความรับผิดชอบผมตอบได้เลยว่าเหมือนกัน”
25 ปีกับการเป็นนักบิน กัปตันได้อะไรบ้างคะ
“บอกตรงๆ ว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจมาก ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกไปบิน ไม่ว่าจะเป็นนักบินทหารหรือนักบินพาณิชย์ เวลาที่ผมแต่งเครื่องแบบ ขับรถออกมาจากบ้านเพื่อไปทำงาน ผมก็รู้สึกมีความสุข เพราะเป็นงานที่ผมรัก ผมอยากไปบิน ผู้โดยสารรอเราอยู่ ถ้าเราไปช้าทำให้ไฟล์ต้องdelay สิ่งนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้น ตั้งแต่ผมทำงานที่การบินไทย ผมยังไม่เคยไปช้า หรือไม่ไปทำการบินตามที่จัดไว้แม้แต่ครั้งเดียว”
“นอกจากหน้าที่กัปตัน ผมยังทำหน้าที่ฝ่ายบริหารเล็กๆ ของการบินไทย โดยมีตำแหน่งรองผู้จัดการกองจัดหาบุคลากรการบิน พูดง่ายๆ ว่ามีหน้าที่หาคนมาเป็นนักบินนั่นแหละครับ และอีกตำแหน่งคือครูการบิน ซึ่งแม้ว่าต้องรับผิดชอบในบทบาทอื่น ก็มีความสุขกับงานที่ได้รับมอบหมาย”
ถ้าใครอยากเป็นนักบินเขาต้องทำอย่างไร
“การบินไทยเราเปิดรับนักบินทุกปี คุณสมบัติแรกตอนนี้คือต้องเป็นผู้ชาย เราแบ่งการรับสมัครเป็น 3 กลุ่มครับ กลุ่มแรกคือนักบินฝึกหัดทุนการบินไทย ซึ่งต้องผ่านการสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ สอบความถนัดทางด้านทักษะการบิน เราใช้มาตรฐานสากลเป็นเกณฑ์ตัดสิน จะรับสมัครวุฒิปริญญาตรีทุกสาขา อายุไม่เกิน 30 ปี ความสูงไม่ต่ำกว่า 165 เซนติเมตร มีสภาพร่างกายที่เหมาะสม สายตาดีตามมาตรฐานการตรวจของสถาบันเวชศาสตร์การบินกองทัพอากาศ หลังจากนั้น เราจะให้ทุนเข้าไปเรียนที่โรงเรียนการบิน 1 ปี ก็จะได้ใบอนุญาตนักบินพาณิชย์ตรี (ใบขับขี่เครื่องบิน) แล้วเข้ามาเป็นนักบินของบริษัท การบินไทย
กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มมีใบขับขี่เครื่องบินแล้ว อาจจะเป็นนักบินกองทัพอากาศ หรือเป็นนักบินจากสายการบินอื่นๆ ที่สนใจ รับอายุไม่เกิน 42 ปีที่ผ่านการสอบคัดเลือกตามมาตรฐานของบริษัทฯ แล้วเข้ามาฝึกอบรมต่อเป็นนักบินของบริษัท การบินไทย
กลุ่มที่ 3 เราเริ่มรับสมัครปีนี้เป็นปีแรก คือรับนักศึกษาชั้นปีที่ 3 จาก 4 สถาบัน คือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบังคณะวิศวกรรมทุกสาขา โดยต้องมีเกรดเฉลี่ย 2.5 ขึ้นไป ซึ่งต้องสมัครสอบคัดเลือกผ่านทางคณะอาจารย์ในแต่ละมหาวิทยาลัย ถ้านักศึกษาจากสถาบันอื่นมีความสนใจ ทางเราอาจจะเข้าแนะแนวอาชีพนักบินให้และขยายการเปิดรับสมัครในสถาบันอื่นเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันเราตั้งเป้าผลิตนักบินไว้ปีละ 90 กว่าคน แต่ในความเป็นจริงผลิตได้แค่ปีละ 70-80 คนเท่านั้น ปีนี้เราก็เลยมี Road Show เพื่อประชาสัมพันธ์อีก 6 แห่งทั่วประเทศ”
นักบินที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไร
“ประการแรกต้องมีวินัย ต้องควบคุมตัวเองให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดโดยเคร่งครัด เช่น เวลาขี่มอเตอร์ไซท์ต้องเปิดไฟใส่หมวก เราก็ควรจะปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัย การมีวินัยในตนเองเป็นพื้นฐาน และเป็นจุดเริ่มต้นในการทำสิ่งที่ดีอย่างอื่นตามมา ประการที่ 2 มีใจรักที่จะเป็นนักบินจริงๆ เพราะมันจะเป็นแรงจูงใจเป็นการสร้างความมุ่งมั่นและความพยายาม ประการที่ 3 ต้องมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงเหมาะสมที่จะเป็นนักบิน และมีทักษะความถนัดในการเป็นนักบิน เช่น สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกันหรือไม่ เพราะนักบินต้องตาดู หูฟัง สมองคิด ปากพูด มือทำ และต้องเป็นคนที่หัดคิดวางแผนตลอดเวลา เมื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น เราจะได้มีแผนสำรอง และต้องมีความคิดหรือทำอะไรที่สมเหตุสมผล (Make Sense), เป็นคนที่มองอะไรรอบด้าน ช่างสังเกต จะได้วิเคราะห์สถานการณ์ และนำมาใช้ในการวางแผนอย่างถูกต้อง และควรมีความคิดเชิงบวก และสามารถควบคุมสติอารมณ์เวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี”
กัปตันยังฝันอยากจะเป็นอะไรอีกหรือเปล่า
“สิ่งที่อยากจะทำต่อไปคือถ่ายทอดให้รุ่นน้องมีความรู้สึกอยากเป็นนักบิน การบินไทยเป็นสายการบินเดียวในเอเชียที่บริหารงานและใช้นักบินไทยล้วนๆ ใช้ความสามารถล้วนๆ เป็นมาตรฐานที่ปฏิบัติแบบนี้มากว่า 40 ปี ทุกครั้งที่บินไปต่างประเทศเราจะภูมิใจ เสมือนหนึ่งเรานำความเป็นไทยไปสู่อวดสายตาชาวโลกให้เขารู้จักประเทศไทยและคนไทย เพราะจะมีธงชาติติดอยู่ที่หางเครื่องบินไทยทุกลำ”
”และผมอยากบอกว่าคนอุบลฯ ในการบินไทยมีเยอะ นั่นหมายถึงว่าเราเก่งไม่แพ้ใคร แต่ต้องมีความตั้งใจจริง ผมเชื่อมั่นว่าความเก่งและความสามารถของคนอุบลฯ ไม่ได้ด้อยกว่าใคร เผลอๆ อาจจะดีหรือดีกว่าด้วยซ้ำไป แต่สิ่งที่ดีกว่าของคนอุบลฯคือความมีน้ำใจ ผมไปมาหลายประเทศ บอกได้เลยว่าประเทศไทยดีที่สุด โดยเฉพาะคนภาคอีสานกับภาคเหนือ ถ้าเราไปเคาะประตูบ้านขอน้ำดื่มเขาก็ให้ดื่มด้วยความยินดี และอยากจะบอกว่าอาชีพนักบินไม่ได้เกินเอื้อมหรือเกินความสามารถของน้องๆ ผู้มีใจรักที่อยากจะเป็นนักบิน ขอให้มีความตั้งใจจริง มีความอุตสาหะ อย่าท้อแท้ ของดีๆ มันไม่วิ่งมาหาเราหรอก เราต้องวิ่งไปหามัน อย่าถอดใจ และที่สำคัญต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี”
25 ปีของการเป็นนักบิน มีความประทับใจคือ...
“ความประทับใจแรกคือผมเคยมีส่วนร่วมในเที่ยวบินที่มีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จ และความประทับใจต่อมาและเป็นกำลังใจให้กับผม คือ...มีผู้โดยสารเขียนชมกัปตันว่าเที่ยวบินนี้ทำไม smooth จังเลย บินดีมากอะไรทำนองนี้ ผมก็รู้สึกดีใจ(หัวเราะ) ผมเก็บไว้หมดเลยนะ เก็บเอาไว้เผื่อเวลาที่เราเหนื่อยล้า พออ่านแล้วมันเหมือนกับได้ชาร์ทแบตเตอรี่ ความเหนื่อยจากเรื่องงานก็จางหายไป”
กัปตันมีแนวคิดในชีวิตอย่างไร ทำไมชีวิตถึงนิ่งและสุขขนาดนี้
“ผมเดินตามรอยพ่อ เพราะพระบรมราโชวาทของในหลวง ล้วนแล้วแต่สอนให้เราเป็นคนดี อาจจะเป็นเพราะผมกำพร้าพ่อตั้งแต่เด็ก คำสอนของพระองค์ทำให้เราเป็นคนคิดดี ทำดี แล้วพอโตขึ้นมาก็ได้สถาบันการศึกษาเป็นตัวหล่อหลอมเราอีกชั้นหนึ่งในเรื่องของความอดทน มานะ ระเบียบวินัย เหล่านี้ทำให้เราเป็นคนที่สมบูรณ์ขึ้น
ผมเชื่อว่าคนเราเกิดมาใช้กรรม เมื่อมีกรรมอย่าหนีกรรม ให้หันหัวสู้ไม่ต้องกลัว การสู้คืออันไหนที่มันไม่ดีก็อย่าไปสร้างเพิ่ม อย่าขโมย อย่าคดโกง อย่าให้ร้ายคนอื่น แต่สิ่งไหนที่เราจำเป็นต้องชดใช้ เช่น ขับรถชนใครแล้วต้องใช้ค่าเสียหาย เราก็ต้องจ่ายไป เขาถึงเปรียบเทียบชีวิตเราเหมือนอยู่ในเรือ เวลาที่มีคลื่นลมเราหนีไม่ได้ เราก็ต้องอยู่ในเรืออยู่ในทะเล ต้องสู้อย่าท้อถอย ต้องคิดดีและทำดี แล้วทุกอย่างจะดีเอง เอาธรรมะเข้าข่ม และมีความพอเพียงกับชีวิตตามแนวทางของในหลวง มีแค่นี้ก็อยู่แค่นี้ อย่าไปฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเพราะมันเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ถ้าทำได้แบบนี้ชีวิตก็ความสุขแล้วครับ”
ขอขอบคุณ : กองจัดหาบุคลากรการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
โทร. 0-2545-3658, 0-2545-1656
www.tgpilotrecruitment.com