(ขอคำแนะนำเช่นกันครับ)อาการปวดหูเวลาเครื่องบิน Landing หรือ Takeoff

[Florentino]

คือผมอยากทราบว่าถ้ามีอาการปวดหู(มาก) เวลานั่งเครื่องแล้ว landing หรือ take off จะมีผลกระทบต่อการบินมั้ยครับ?

หรือมีเพื่อนๆพี่ๆที่เป็นนักบินคนไหนมีอาการแบบนี้บ้าง? แล้วมีวิธีแก้ยังไงบ้างครับ?

ป.ล.ผมเป็นภูมิแพ้แต่อยากเป็นนักบิน(ตรวจร่างกายกับเวชศาตร์ผ่านแล้ว) กำลังตัดสินใจว่าจะเรียนทุนส่วนตัวดีมั้ย

เพราะถ้าไปเรียนแล้วมีอาการปวดหู(มาก)เวลาบินก็อาจจะไม่คุ้ม เลยอยากขอความคิดเห็นหน่อยครับ

[Dan]

อาการ ear block เป็นเรื่องปกตินะ แต่ว่าถ้าเกิดเป็นมาก หรือเป็นบ่อยๆก็น่าจะเป็นปัญหาเหมือนกัน
เพราะเราไม่ใช่ผู้โดยสาร เวลาเครื่องขึ้นเครื่องลงเราต้องคุยตลอดเวลา ไม่ว่ากับ pilot ด้วยกันหรือ ATC
การได้ยินเราก็จะแย่ลง แล้วถ้ามีอาการปวดด้วยก็ลำบากนิดนึง

เคยเจ็บหูมากเหมือนกัน ตอนเป็นหวัด เล่นเอาฟังไม่รู้เรื่องเลย
ผมว่าลองปรึกษาแพทย์ดูดีกว่านะ

[earthwormz]

ถามได้ถูกคนมากๆๆๆ ผมเป็นคนนึงครับที่เป็นภูมิแพ้และยังเป็นนักบินอีกด้วย ฮ่าๆๆ ไม่รู้ตรวจผ่านมาได้ยังไง สมัยก่อนผมยังไม่รู้ทฤษฎีหลังลงจากเครื่องบินเป็นผูโดยสาร จะปวดหู หูอื้อ คุยกับใครไม่รู้เรื่อง จะได้ยินเสียงวิ้งๆๆ ตลอดเวลา แต่ตอนนี้รู้แล้ว ฮ่าๆๆ มาข้าจะเล่าให้ฟัง..

อันดับแรกเราควรจะรู้เรื่องร่างกายเราก่อนครับ ในหูคนเรามันก็เหมือนถุงลมใบนึงภายในหูครับครับซึ่งถุงลมนี้ก็จะมีท่อต่อออกสู่โลกภายนอก ท่อที่ว่านี้เรียกว่า Eustasian tube (ไม่รู้เขียนถูกป่าวนะ) และไอ้ถุงลมที่จะเปรียบเทียบนี่ก็คือเจ้าแก้วหูเราเนี่ยแหละครับ

อันดับที่สองควรรู้หลักการของอากาศว่าความดันอากาศจะลดลงเมื่อความสูงเพิ่มขึ้นนะครับ และความดันอากาศจะเพิ่มขึ้นเมื่อความสูงลดลง

ดังนั้น

เวลาเครื่องขึ้น >> ความดันอากาศในหูจะมากกว่าเมื่อคิดสัมพัทธ์กับความดันอากาศภายนอก อากาศภายในหูจึงไหลออกครับ
ผ่านเจ้าท่อที่ว่าเนี่ยแหละ ลักษณะของท่อนี้คือสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ หรือเป็นหวัด คือมันจะบวมๆ ครับ เวลาอากาศไหลออกจากร่างกายเนี่ย ไม่ค่อยมีปัญหาหรอกครับ มันเหมือนเราบีบลมออกจากลูกโป่ง ไม่ค่อยจะเป็นอะไรมากนัก ไม่ค่อยเจ็บอะไร

แต่เจ้าเวลาเครื่องลงเนี่ยแหละครับคือปัญหา >> เพราะความดันอากาศในหูจะน้อยกว่าเมื่อสัมพัทธ์กับความดันอากาศภายนอก ดังนั้นการที่จะทำให้ความดันอากาศในหูกับความดันอากาศภายนอกเท่ากัน อากาศจากภายนอกจำเป็นจะต้องไหลเข้าไปในถุงลม ปัญหาก็คือเราตั้งลูกโป่งทิ้งไว้เฉยๆ โดยที่ท่อมันตีบๆ อากาศมันจะไม่ไหลเข้าไปเองครับ ทำให้เรารู้สึกปวดหูอย่างรุนแรง เนื่องจากแก้วหูเราจะเกิดอากาศโก่งงอ ทำให้มีอาการหูอื้อ ปวดหู

วิธีการแก้ปัญหา (เน้น ทำเฉพาะเวลาเครื่องลง) คือเราต้องเป่าลมเข้าไปในลูกโป่งครับ วิธีนี้เค้าเรียกว่าการทำ วาลซาว่า (ไม่รู้เขียนภาษาอังกฤษยังไงอ่ะ) วิธีทำคือเอามือบีบจมูกแล้วทำเหมือนสั่งน้ำมูกน่ะครับ เพื่ออัดอากาศเข้าไปในหู แต่เน้นๆๆๆๆๆ ทำเบาๆ นะครับ ค่อยๆ ทำ อย่าทำแรงๆ เพราะถ้าทำแรงก็เหมือนกับเราเป่าลมไปอย่างรุนแรงลูกโป่งก็จะแตกได้ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ครับ ถ้าไม่หายก็ค่อยๆ เพิ่มแรงไป ทำจนกว่าจะหายน่ะแหละครับ  .....

วิธีทำของผมนะครับ โดยปกติแล้วเนี่ย สมมติว่าเราบินอยู่ที่ความสูง 8000 feet พอเครื่องบินลดระดับลงมาเรื่อยๆ เนี่ย สมมติว่าผมจะเริ่มปวดที่ 4000 feet ผมจะรู้ในใจตัวเองแล้วว่าพอเริ่มลดระดับต้องเริ่มทำวาลซาว่า ที่ประมาณ 6000' เพราะว่าถ้าหากรอให้เกิดอาการปวด การทำวาลซาว่าจะทำได้ยากขึ้น นั่นคือทำแล้วมันจะไม่ค่อยหายครับเพราะอากาศมันอัดไม่ค่อยจะเข้า เหมือนเป่าลูกโป่งโดยเอามือบีบไว้ที่หลอดหน่ะครับ ต้องอัดอากาศให้มากกว่าปกติ แล้วไอ้เจ้าท่อที่ว่าสำหรับคนเป็นภูมิแพ้เนี่ย มันบวมกว่าคนปกติครับ จะอัดอากาศได้ยากกว่าคนปกติ ดังนั้นให้รู้ตัวเองในใจว่าเริ่มลดระดับก็ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เลย อย่ารอให้เกิดอาการปวดเพราะว่ามันจะทำยากกว่า

สุดท้ายพอบินไปเรื่อยๆ สมมติจากเดิมที่จะเริ่มปวดที่ 4000 feet ร่างกายเราจะอึดขึ้นครับ เหมือนมันชินหรือยังไงก็ไม่รู้ อาจจะมาปวดอีกทีที่ 3000 feet เป็นต้น บางทีหากเราบินแล้วลืมทำวาลซาว่า มันก็มีครับ ไม่ปวดนะ แต่ลงมาจะหูอื้อเล็กๆ

ไอ้อาการปวดไม่ได้ขึ้นกับระดับความสูงนะครับ แต่เกิดจากความแตกต่างของความดัน หรือ Delta Pressure = P2-P1 ยิ่งแตกต่างมากยิ่งปวดมาก หรือพูดง่ายๆ เกิดจากระดับความแตกต่างของความสูงของการลดระดับนั่นแหละครับ

ชีวิตนี้เป็นนักบิน จะทรมานสองครั้งครับ ตอนเข้าห้องปรับความดันเวชศาสตร์การบิน แม่งงงง ลดระดับซะเร็ว ผมปวดจนน้ำตาไหลร้องไห้หน่ะครับ เพราะทำวาลซาว่าไม่ทัน เพราะว่าไอ้คนคุมห้องเนี่ย แม่งก็ดูหน้าคนอื่นเห็นว่าโอเคมันเลยรีบๆ ลดระดับความสูง (เพิ่มความดัน)  แต่เรามันไม่เหมือนชาวบ้านก็ต้องทนๆๆ ไป ครับ แต่พอหลังจากผ่านห้องนี้ไปได้แล้ว ชีวิตก็ขึ้นกับเราครับ จะลงเร็วลงช้า เราเป็นคนบิน .................. มีอีกครั้ง ตอนเรียน Emergency Descent เครื่อง Multi engine อันนั้นก็ทนไป ครูเค้าสอนครั้งเดียว

แต่สุดท้ายแล้ว ร่างกายจะปรับตัวไปได้เองครับ ออกกำลังกายเยอะๆๆ ที่สำคัญ "ห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด" เพราะมันจะทำให้ท่อนี้บวม ดื่มเหล้าน้อยๆ เพราะจะทำให้ท่อนี้บวมเช่นกัน


""""" อย่าทำวาลซาว่าตอนเครื่อง Take off นะ ทำได้เฉพาะตอน Landing """""""   เน้นอีกครั้ง

แม่งเคยมีคนไปสอนเด็กให้ทำวาลซาว่าตอนเครื่อง Takeoff บ้าไปแล้ววว เพราะอย่างที่บอกตอน Takeoff อากาศต้องการจะไหลออกจากหู แม่งเสือกไปอัดอากาศเข้า เด็กก็แก้วหูแตกสิครับ



... ขอมีความสุขกับการบินครับ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย เดี๋ยวท่านก็จะรู้วิธีการแก้ปัญหาไปเองครับ  เจริญพร

[TakeOFF]

โอ๊ต แม่งวิชาการหว่ะ
ดี ดี

[ViNcEnT]

ตู้ว่ะ ห้ามกินเหล้าด้วย อย่าให้เห็นเชียว

[nonghoey]

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำฮะ 

กังวลปัญหานี้อยู่เหมือนกัน

[HarU]

เพิ่มนิดๆนะครับ
อาการแบบนี้ความรุนแรงขึ้นอยู่กับคนนะ ถ้าแรงมากก็อย่าเสี่ยงเลย และ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำด้วย บางครั้งการนั่งเป็นผู้โดยสารเฉย ไม่ได้ทำอะไรนอกจากลุ้นรอเวลาลง จะทำให้เรารับรู้อาการได้มาก แต่พอทำอาชีพนี้เวลาลงย่อมมีกิจกรรมมากขึ้น ไม่ว่าจะบังคับเครื่อง คุยกับหอ ทำ checklist คิด profile descent ตลอด ซึ่งทำให้เราเบี่ยงเบนความสนใจไปมากได้ครับ และนานๆไปร่างกายจะค่อยๆปรับไปได้นะ เช่นที่ earthwormz บอกนะ

ทั้งนี้ทั้งนั้นปรึกษาแพทย์ก็ดีนะครับ และ แน่ใจแล้วหรอว่าจะเรียนทุนส่วนตัว เคยลอง student pilot  ยังครับ ลองหากระทู้เก่าๆอ่านดูนะ

[Florentino]

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกครับสำหรับคำแนะนำดีๆ มีประโยชน์มากโดยเฉพาะของคุณหนอนดิน(earthwormz) คนหัวอกเดียวกัน 

ส่วนเรื่องจะเรียนทุนส่วนตัวมั้ยนั้นผมขอคิดไตร่ตรองอีกที เนื่องจากเป็นอาชีพที่ต้องมีความรับผิดชอบสูง ผมก็ไม่อยากเสี่ยงเหมือนกัน

[earthwormz]

ตู้ว่ะ ห้ามกินเหล้าด้วย อย่าให้เห็นเชียว

เอ่อ กูบอกว่า อย่าดื่มเหล้าเยอะเว้ย แปลว่าดื่มบ้างก็ดี

[supermaew]

ทำวาลซาว่าแรงๆอาจจะหน้ามืดได้นะครับ

แล้วไม่มีใครแย่กว่านี้แน่ๆ

ตอนเข้า chamber ไฟดับครับ !

descend ได้ด้วย manual เท่านั้น ถึงปวดหูยังไงก็ขึ้นกลับไปใหม่ไม่ได้

แย่มากๆๆๆๆๆๆๆๆ

[Phoebus]

ขอบคุณมากเลยคับ ตอนแรกก็สังสัยอยู่เหมือนกัน
แต่ทำแรง ๆ ไม่ได้จริง ๆ ด้วยคับ
สนใจลองอ่านดู

http://en.wikipedia.org/wiki/Valsalva_maneuver

ตอนเข้าห้องปรับความดันจะกะถูกไหมเนี้ย 

[coconuthow]

เหอๆ พูดแล้วเห็นภาพเลยครับ ผมอยู่ BAC12 เพิ่งเข้าไปเรียนเวชศาสตร์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง

ตอนอยู่ใน Hypobaric Chamber ที่ 25,000 ฟุต  ครูฝึกพูดว่านัมเบอร์4ไหวมั้ย ผมรู้สึกว่าผมไหว แล้วยกนิ้วโป้งขึ้น แต่เหมือนคนที่ดูอยู่บอกไม่ไหวแล้ว ให้ใส่ท่อออกซิเจน100%เลย

พอออกมาเพื่อนบอกว่าผมยกนิ้วโป้งแบบสโลว์โมชั่นมากๆ ฮ่าๆ ทั้งที่เราเองรู้สึกว่ายกนิ้วแบบธรรมดาปกติเลยนะ 

[omskygangster]

ตอนเข้า chamber เป็นหวัด น้ำมูก น้ำตาไหล ออกมา ear block ไปอีกหลายวัน 

[DuraSail]

เหอๆ พูดแล้วเห็นภาพเลยครับ ผมอยู่ BAC12 เพิ่งเข้าไปเรียนเวชศาสตร์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง

ตอนอยู่ใน Hypobaric Chamber ที่ 25,000 ฟุต  ครูฝึกพูดว่านัมเบอร์4ไหวมั้ย ผมรู้สึกว่าผมไหว แล้วยกนิ้วโป้งขึ้น แต่เหมือนคนที่ดูอยู่บอกไม่ไหวแล้ว ให้ใส่ท่อออกซิเจน100%เลย

พอออกมาเพื่อนบอกว่าผมยกนิ้วโป้งแบบสโลว์โมชั่นมากๆ ฮ่าๆ ทั้งที่เราเองรู้สึกว่ายกนิ้วแบบธรรมดาปกติเลยนะ 

เพื่อนพี่มีฮากว่า มัน Hypoxia แบบว่าหัวเราะตลอดเวลาอ่ะ น่ากลัวเหมือนกัน เอิ๊กๆ
แต่มีบางคนก็อบย่างกะเป็นนักบินอวกาศ ยังนั่งบวกเลข ทำการบ้านที่เค้าให้ทำต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่สะทกสะท้านเลย