Author Topic: ข่าวสนามบินปิด update 29 Nov 08  (Read 15560 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline DuraSail

  • จิตใจของฉันแข็งแกร่งดั่ง
  • Moderator
  • ราชาเทวะ
  • ***
  • Posts: 2,592
เกษตรพัง3หมื่นล.ต่อวันอาร์แอนด์ไอลดเครดิตไทย [29 พ.ย. 51 - 04:26]

หลัง จากที่ม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกเข้ายึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลให้การเดินทางและขนส่งทางอากาศของไทยที่ใช้สนามบินทั้งสองแห่งเป็นหลัก ต้องปั่นป่วน และลงท้ายต้องปิดการใช้สนามบินทั้งสอง ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติติดค้างไม่สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้ ตามกำหนด เพราะสายการบินทั้งของไทยและต่างชาติประกาศงดเที่ยวบินเป็นจำนวนมาก

 

ดอนเมืองประเมินความเสียหาย


 

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พ.ย. เวลา 11.30 น. ที่สนามบินดอนเมือง ว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการสนามบินดอนเมือง เปิดเผยว่า ตั้งแต่สนามบินดอนเมืองปิดให้บริการเที่ยวบินขึ้น-ลงทั้งหมด มาตั้งแต่ วันที่ 26 พ.ย. จนถึงวันที่ 28 พ.ย. เวลา 18.00 น. นั้น ขณะนี้ได้มีการประเมินค่าเสียหายในเบื้องต้นพบว่าเสียหายกว่า  4  ล้านบาทต่อวัน  ซึ่งค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่า ธรรมเนียมการใช้สนามบินของผู้โดยสาร (PSC) และ ค่าธรรมเนียมการขึ้น-ลง (Landing) ของอากาศยาน ค่าจอดของอากาศยาน (Parking) ค่า เช่าพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสาร เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกของผู้โดยสาร สนามบินดอนเมืองจึงได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานชั่วคราว 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ดังนี้สนามบินดอนเมือง โทร. 0-2535-7681-3, การบินไทย โทร. 0-2356-1111, นกแอร์ โทร. 1318, 0-2900-9920 (เวลา 10.30-21.00 น.)

 

ทีจีจัดเที่ยวบินพิเศษพิธีฮัจญ์

 

ด้าน พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในวันที่ 25 พ.ย. สายการบินไทยได้จัดเที่ยวบินทีจี 8534 เส้นทางหาดใหญ่-เจดดาห์ ออกจากหาดใหญ่ เวลา 15.35 น. ถึงเจดดาห์ เวลา 22.14 น. (เวลาท้องถิ่น) ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ 300-600 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารของการบินไทย เกี่ยวกับบริการด้านต่างๆ การสอบถามสามารถสอบถามข้อมูลทั่วไป การเปลี่ยนแปลงการสำรองที่นั่ง สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์การบินไทย หมายเลขโทรศัพท์ 0-2545-4000 โดยให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. และ THAI CONTACT CENTER หมายเลขโทรศัพท์ 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือ www.thaiairways.com

 

กระทบแรงกว่าสึนามิ-โรคซาร์ส


 

ขณะที่  นายปานฑิต  ชนะภัย  รอง กรรมการผู้อำนายการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัทการบินไทยฯ กล่าวว่า เหตุการณ์ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองส่งผลกระทบต่อปริมาณ ผู้โดยสารการบินไทยมากกว่าเหตุการณ์สึนามิ  และการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์ส เพราะทั้ง 2 เหตุการณ์ส่งผลกระทบต่อปริมาณผู้โดยสารบางเส้นทางเท่านั้น แต่การปิดล้อมสนามบินส่งผลกระทบต่อปริมาณผู้โดยสารทุกเส้นทาง คาดว่าอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร หรือ คาบินแฟคเตอร์ (CABINFACTOR) เฉลี่ยของเดือน ธ.ค. จะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 50 ทั้งที่เป็นช่วงไฮ-ซีซั่นส์ เพราะผู้โดยสารเกิดความกังวลหากจะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เท่ากับว่าปีนี้การบินไทยจะไม่มีช่วงไฮ-ซีซั่นส์ และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนกว่าปริมาณผู้โดยสารจะกระเตื้องขึ้นมา ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการในปี 2552 ต่ำกว่าปี 2551 อย่างแน่นอน

 

ขยายเวลาบัตรโดยสาร-สะสมไมล์

 

นายปานฑิตกล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารการบินไทย  และ ลดจำนวนความหนาแน่นของผู้โดยสารที่มาติดต่อสำนักงานบัตรโดยสารของการบินไทย ในช่วงนี้บริษัทฯ จึงขอแจ้งขยายเวลาบัตร โดยสารประเภทต่างๆ เอกสารที่เกี่ยวกับการเดินทางของการบินไทย เช่น เอกสารของทัวร์เอื้องหลวงที่หมดอายุตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. ให้เดินทางได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 52 โดยให้ติดต่อสำนักงานการบินไทย หรือตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารของการบินไทย ส่วนสมาชิกของรายการสะสม ไมล์รอยัล ออร์คิด พลัส ที่ไมล์สะสมจะหมดอายุในปี 51 นั้น ใช้ไมล์สะสมเพื่อแลกรางวัลบัตรโดยสารได้ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 52

 

บินไทยเริ่มใช้อู่ตะเภา

 

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้การบินไทยได้เริ่มใช้ สนามบินอู่ตะเภาในการขนส่งผู้โดยสารแทนสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว โดยเที่ยวบินแรกที่เดินทางออกจากสนามบินอู่ตะเภา คือ เที่ยวบิน ทีจี 8546 ออกเดินทางไปยัง สิงคโปร์ ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ส่วน วันที่ 28 พ.ย. มีทั้งเที่ยวบินขาเข้า และเที่ยวบินขาออก โดยเที่ยวบินขาออกมี 2 เที่ยวบิน คือ ทีจี 8820 อู่ตะเภา-พุทธคยา ออกเดินทางเวลา 13.10 น. และเที่ยวบินทีจี 642 อู่ตะเภา-นาริตะ ออกเดินทางเวลา 23.50 น. ส่วนเที่ยวบินขาเข้าที่เดินทางมายังสนามบินอู่ตะเภามี 7 เที่ยวบิน คือ เที่ยวบินทีจี 8547 จากสิงคโปร์เที่ยวบินทีจี 994 จาก ซิดนีย์ เที่ยวบินทีจี 8821 จากพุทธคยาเที่ยวบิน ทีจี 4209 จากกัวลาลัมเปอร์ เที่ยวบินทีจี 921 จากแฟรงก์เฟิร์ต เที่ยว บิน ทีจี 659 จากโซล เที่ยวบิน ทีจี 609 จากภูเก็ต และหาก สนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการได้ตามปกติ การบินไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน เพื่อสำรวจและซ่อมแซมเครื่องมืออุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายจากการปิดล้อมของ กลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้งต้องทดสอบระบบคอมพิวเตอร์และระบบไอทีต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะระบบเหล่านี้จะเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ

 

บางกอกแอร์เวย์สเลิกอีก 81 เที่ยวบิน

 

ส่วนสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส แจ้งว่า บางกอกแอร์เวย์สมีความจำเป็นต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินตลอดทั้งวันในวันที่ 28 พ.ย. ซึ่งนับเป็นจำนวนเที่ยวบินทั้งสิ้น 81 เที่ยว ทั้งเส้นทางภายในประเทศ และเส้นทางระหว่างประเทศที่มีตารางบินเข้า-ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินมาตลอด 2 วันที่ผ่านมา  ทั้งนี้  ทางสายการบินฯ  คาดว่า  จะมีการยกเลิกเที่ยวบินเพิ่มเติมอีกในวันรุ่งขึ้นตามประกาศของบริษัทท่าอากาศยานไทยฯ ที่จะปิดทำการสนามบินสุวรรณภูมิไปจนถึงวันที่ 29 พ.ย. แต่ยังให้บริการปกติในบางเส้นทาง อาทิ เส้นทางในประเทศระหว่างสมุย-อู่ตะเภา สมุย-ภูเก็ต อู่ตะเภา-ภูเก็ต  และเส้นทางระหว่างประเทศระหว่าง สมุย-ฮ่องกง สมุย-สิงค์โปร์ และพนมเปญ-เสียมราฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1771 หรือ 0-2265-8777 หรือเข้าชมเว็บไซต์ www.bangkokair.com

 

แนะติดต่อตรงสายการบิน

 

ส่วน ความช่วยเหลือผู้ตกค้างนั้น นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) กล่าวว่า ผู้โดยสารที่ต้องการทราบว่า สายการบินใดบินออกจากสนามบินอู่ตะเภาสามารถสอบถามเที่ยวบินได้โดยตรงกับสาย การบินนั้นๆ ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคมได้อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปสนามบินอู่ ตะเภา สามารถเดินทางได้ที่สถานีขนส่งหมอชิต โดยจะจัดรถทัวร์ไว้ให้บริการ ซึ่งหากกลุ่มผู้โดยสารที่เป็นกลุ่มใหญ่ 50-100 คน สามารถรวมกลุ่มแล้วติดต่อให้รถทัวร์ไปรับได้ ณ จุดใดจุดหนึ่ง

 

ให้บริการรับ-ส่งฟรี

 

ด้าน นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัทขนส่ง จำกัด หรือ บขส. กล่าวว่าขณะนี้ บขส.ได้ให้บริการผู้โดยสารที่เดินทางจากสนามบินอู่ตะเภา มายังกรุงเทพฯ หรือจากกรุงเทพฯไปยังสนามบินอู่ตะเภา แล้วจำนวนหลายเที่ยว โดย บขส.มีค่าใช้จ่ายแต่ละเที่ยวไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท แต่ไม่ได้มีการเก็บค่าโดยสาร กับผู้โดยสาร เนื่องจากขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ไม่ ปกติ มีอะไรช่วยเหลือกันได้ก็ต้องช่วยเหลือกัน

 

ขสมก.ร่วมด้วยคิดร้อยเดียว

 

นาย พิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผอ.องค์การขนส่งมวลชน กรุงเทพ (ขสมก.) แจ้งว่า จากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ต้องปิดการบริการของสนามบินสุวรรณภูมิและไปใช้สนามบินอู่ตะเภาแทนนั้น ทำให้ ชาวต่างประเทศตกค้างเป็นจำนวนมากไม่สามารถเดินทางกลับไปยังประเทศของตนได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับชาวต่างประเทศที่ประสงค์จะเดินทางไป ยังสนามบินอู่ตะเภา ขสมก.ได้จัดรถปรับอากาศ จำนวน 30 คัน ไปรับชาวต่างประเทศ ตามโรงแรมที่พักชั่วคราว และนำไปส่งยังสนามบินอู่ตะเภา และรับจากสนามบินอู่ตะเภาเข้ามายังกรุงเทพมหานคร สุดระยะทางที่อู่กำแพงเพชร (ติดกับสถานีขนส่งกรุงเทพ หมอชิตใหม่) เก็บอัตราค่าโดยสารคนละ 100 บาท โดยมีป้ายข้อความ กรุงเทพ-อู่ตะเภา (BANGKOK-U-TAPAO) ด้าน หน้า และข้างรถ ผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจากสามารถใช้บริการเที่ยวไปได้ที่ต้น ทางอู่กำแพงเพชร (ติดกับสถานีขนส่งกรุงเทพ หมอชิตใหม่) และใช้บริการเที่ยวกลับได้ที่สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งขณะนี้ ขสมก.ได้รับการประสานงานให้จัดรถไปรับชาวต่างประเทศแล้ว 3 เที่ยวบิน คือเที่ยวเวลา 14.15 น. ผู้โดยสารจำนวน 178 คน, เที่ยวเวลา 19.50 น. ผู้โดยสารจำนวน 94 คน, เที่ยวเวลา 20.15 น. ผู้โดยสาร จำนวน 18 คน หรือสอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 184 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

นักท่องเที่ยวตกค้างทะลุ 3 แสน

 

สำหรับการประเมินความเสียหายจากการต้องปิดสนามบินทั้งสองแห่ง เพราะม็อบพันธมิตรฯเข้าไปยึดพื้นที่ นั้น เมื่อเวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับสายการบินต่างๆ เพื่อหาวิธีนำนักท่องเที่ยวที่ตกค้างในประเทศไทยเดินทางกลับบ้านได้ว่า นับจากคืนวันที่ 25-28 พ.ย.51 ที่มีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ  ได้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการกลับบ้าน แต่ไม่สามารถเดินทางออกไปได้และตกค้างในประเทศไทยเฉียด 100,000 คนแล้ว  ส่วนการเคลียร์สนามบินต่อให้เสร็จได้ในตอนนี้ ก็ยังต้องใช้เวลาอีก 24-48 ชั่วโมงในการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของสนามบินจึงจะใช้สนามบินได้ตามปกติ  ขณะที่ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางกลับประเทศผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นทุกวัน ประมาณวันละ 30,000 คน ซึ่งขณะนี้ได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)ให้ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังถึงวันที่ 20 พ.ย.ว่ามีชาวต่างชาติอยู่ในไทยกี่คนคาดว่าคงมี 200,000-300,000 คน แต่ก็เป็นไปได้ที่บางคนได้นั่งรถออกจากไทยเพื่อไปต่อเครื่องบินที่มาเลเซียบ้างแล้ว

 

รับหนักหนาสาหัสกว่าสึนามิ

 

นายวีระศักดิ์กล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหาให้นักท่องเที่ยวครั้งนี้ ถือว่าหนักกว่าตอนที่มีธรณีพิบัติสึนามิเมื่อปี 2547 เพราะในตอนนั้นเมื่อนำนักท่องเที่ยวมาพักในโรงแรม แล้วสามารถจัดการให้เดินทางออกนอกประเทศไทยได้ เพราะสนามบินให้บริการตลอด แต่ในครั้งนี้สนามบินถูกปิด ขณะที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ตำรวจท่องเที่ยว การบินไทย และสายการบินต่างๆ ได้ตั้งศูนย์ดูแลนักท่องเที่ยวของตัวเองขึ้นมา แต่ในความที่มีหลายหน่วยงานต่างคนต่างต้องประชุมจึงเสียเวลาในการบริหารภาพ รวม ดังนั้นตนจึงทำหนังสือเสนอต่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาแต่งตั้งผู้อำนวยสถานการณ์ขึ้นมาประสานงานและเป็นศูนย์รวมข้อมูล กลางที่จะสื่อสาร  สาธารณะด้วยภาษาไทยและภาษาต่างประเทศให้สื่อมวลชน นักท่องเที่ยว สถานทูต และสถานกงสุลได้ เพราะตอนนี้ เริ่มมีคำถามเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ

 

ใช้ฐานอู่ตะเภาขนนักท่องเที่ยวกลับ

 

รม ว.การท่องเที่ยวฯกล่าวด้วยว่า สำหรับการหารือกับสายการบินต่างๆ เพื่อจัดระบบใหม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกจากประเทศไทยจะเริ่มใช้สนามบิน อู่ตะเภาเป็นหลัก โดยขณะนี้มีอุปกรณ์จัดเตรียมให้มีเที่ยวบินออกได้ 15 เที่ยวบินต่อวัน และภายใน 48 ชั่วโมงข้างหน้า จะสามารถนำอุปกรณ์หนักที่ใช้สำหรับขนกระเป๋าและลำเลียงอุปกรณ์เพื่อให้มีเที่ยวบินออกได้ 48 เที่ยวบินต่อวัน และกำลังประสาน ตม.เพื่อให้ยกเว้นตรวจลงตราขาออกให้กับชาวต่างชาติไปเลย ซึ่งในหลายๆประเทศมีการยกเว้น และเพื่อเตรียมการให้การเดินทางออกจากสนามบินอู่ตะเภาสะดวกและไม่เกิดการ โกลาหล เพราะมีอาคารขนาดเล็กทางสายการบินหลักๆ ได้แก่ การบินไทย ลุฟท์ฮันซ่า แควนตัส สแกนดิเนเวีย และอีว่า ได้ตกลงร่วมกันที่จะหาโรงแรมที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ 4 แห่ง เพื่อให้แต่ละสายการบินไปตั้งเคาน์เตอร์รับผู้โดยสารสำหรับเปลี่ยนแปลง เที่ยวบินออกจากประเทศไทย โดยจะมีการตรวจสอบผู้โดยสารและกระเป๋าก่อนขึ้นรถโค้ชที่วิ่งไปส่งขึ้น เครื่องบินสนามบินอู่ตะเภาโดยไม่หยุดที่ใด เหมือนสภาพที่อยู่ในเทอร์มินัลแล้วตั้งแต่อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยทยอยนำนักท่องเที่ยวออกไปได้ แต่คงเทียบกับการเดินทางออกทางสนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้

 

สินค้าเกษตรเสียหายยับเยิน

 

นาย ธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากการที่สายการบินทั้งภายในประเทศและต่างประเทศไม่สามารถทำการบินได้จนถึง ขณะนี้ ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลกระทบจากปัญหาสินค้าเกษตรตกค้างที่สนามบินทั้ง 2 แห่ง ที่ต้องเสียหายคิดเป็นมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อวัน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีข้อจำกัดด้านระยะเวลาการเก็บรักษา เช่น ไม้ดอก พืชผัก ผลไม้สดต่างๆ ซึ่งจะเน่าเสียง่าย รวมถึงสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ต่างๆ ทั้งสดและแช่แข็ง เช่น กุ้ง ไก่ สุกรแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการเก็บรักษาในตู้แช่แข็ง โดยที่ยังไม่รู้กำหนดเวลาที่แน่นอนที่สายการบินต่างๆ จะขนส่งสินค้าเหล่านี้ ได้ตามปกติ สำหรับแนวทางการแก้ไขขณะนี้ได้สั่งการให้กรมที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกและ ให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติการขนส่งสินค้ากับทางบริษัทผู้นำเข้าและส่งออกสินค้า เกษตร และเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการขนถ่ายและลำเลียงสินค้า เกษตรที่ตกค้างออกจากสนามบินทั้ง 2 แห่ง ไปยังจุดเป้าหมายทางรถยนต์เป็นการด่วน ในส่วนสินค้าเกษตรที่ต้องนำเข้าภายในประเทศหรือส่งออกไปยังต่างประเทศนั้น แนะนำให้ขนส่งทางบกหรือทางทะเลผ่านทางประเทศสิงคโปร์หรือมาเลเซียเข้ามายัง ประเทศไทยแทน

 

อาร์แอนด์ไอปรับลดความเชื่อถือ

 

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเปิดเผยว่า บริษัท Rating & Investment Information, Inc. (R&I) ได้แถลงข่าวปรับลดแนวโน้มของระดับเครดิตของประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2551 ซึ่งคณะกรรมการจัดระดับเครดิตได้ปรับแนวโน้มของระดับเครดิตของประเทศไทย ทั้งตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศ และตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินบาท จากระดับที่เป็นบวก (Positive Outlook) เป็นระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ซึ่ง อาร์แอนด์ไอได้ให้เหตุผลการปรับลดแนวโน้มระดับเครดิตดังกล่าวลงว่า เพราะอุปสงค์ภายใน ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะตลาดการเงินที่สับสน รวมทั้งความยุ่งเหยิงทางด้านสังคมที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมือง และหากความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงยืดเยื้อแนวโน้มการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ของประเทศไทยย่อมเกิดขึ้นไม่มีทางหลีกเลี่ยง จึงต้องปรับลดระดับความน่าเชื่อถือลงดังกล่าว

 

“บีโอไอ” เล็งขอซี 130 ขนส่งสินค้า

 

น. ส.สุดจิตร อินทรไทยวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงการหารือกับสมาคมนายจ้างอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ ถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่า อากาศยานสุวรรณภูมิว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนช่องทางการขนส่งสินค้าไปยังสนามบินอู่ ตะเภา สนามบินปีนัง และสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียแทนโดยทางบีโอไอได้ประสานไปยังกรมศุลกากรเพื่อขอเพิ่มจำนวน เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรทั้งที่ อ.สะเดา จ.สงขลา และสนามบินอู่ตะเภารองรับปริมาณสินค้าที่ต้องผ่านด่านเหล่านี้ นอกจากนี้ ยังประสานงานกับบริษัทผู้ดำเนินการขนถ่ายสินค้า อาทิ บริษัทการบินไทย เพื่อช่วยเคลื่อนย้ายอุปกรณ์และเครื่องมือ ในการขนถ่ายสินค้าขึ้นเครื่องบินไปเพิ่มกำลังที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเพื่อ ให้สามารถรองรับความต้องการในการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการโดยเฉพาะ และหากสถานการณ์ยืดเยื้อไม่สามารถหาผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่สนามบินอู่ ตะเภา ก็จะขอความช่วยเหลือจากกองทัพจัด หาเครื่องบิน ซี-130 มาช่วยในการขนส่งสินค้าของภาคเอกชน

 

ผู้ส่งออกกระอักถูกลูกค้านอกปรับ

 

สำหรับผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมา หลังการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทางสมาคมรายงานว่า ได้สร้างความเสียหายต่อทั้งบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และบริษัท ลูกค้าที่สั่งซื้อชิ้นส่วนจากประเทศไทย เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตรงตามเวลา ลูกค้าหลายรายที่นำเข้าชิ้นส่วนจากไทยต้องชะลอการผลิต บริษัทผู้ผลิตในไทยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและถูกปรับจากการส่งมอบ สินค้าล่าช้า โดยบางรายถูกปรับเป็นเงินถึง 100,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ถ้าสถานการณ์ยังยืดเยื้อต่อไปอีกจะเกิดผลกระทบต่อแรงงานจำนวนกว่า 200,000 คนที่ต้องหยุดงานเนื่องจากไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบมาผลิตได้และบริษัท ที่นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยอาจเปลี่ยนไปว่าจ้างและสั่งซื้อสินค้าจากผู้ ผลิตในประเทศอื่นๆ ทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียโอกาสทางธุรกิจ 2-3 ปีจากนี้ รวมทั้งส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นต่อภาคการผลิตของประเทศไทยอีกด้วย

 

ขยายเวลาปิดดอนเมืองต่ออีก


 

ต่อมาเมื่อเวลา 17.15 น. ว่าที่ ร.ท.อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร ผู้อำนวยการสนามบินดอนเมือง กล่าวว่า ทอท. ได้ ขยายเวลาปิดสนามบินดอนเมืองถึงเวลา 09.00 น. ของวันที่ 29 พ.ย. จากเดิมกำหนดปิดสนามบินถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 28 พ.ย. เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ออกจากพื้นที่

 

เปิด 4 โรงแรมเป็นที่เช็กอิน


 

เวลา 18.00 น. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือส่งกลับนักท่องเที่ยวล่าสุด ว่า ได้จัดตั้งศูนย์เช็กอินก่อนขึ้นเครื่องในโรงแรม 4 แห่ง คือโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ที่เซ็นทรัล เวิลด์ โรงแรมเอเชีย โรงแรมเจ ดับเบิลยู แมริออท และโรงแรมรามาดา พลาซ่าแม่น้ำ โดยแต่ละโรงแรมจะเป็นที่เช็กอินของแต่ละสายการบิน โดยในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ตนเองจะเดินทางไปตรวจความเรียบร้อยเพื่อจัดเตรียมสถานที่ให้มีความพร้อม อีกทั้งได้สำรองโรงแรมอีก 2 แห่ง คือ โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค และโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สีลม ไว้สำหรับเช็กอินอีก 2 สายการบิน แต่ในตอนนี้ขอเตรียม 4 สายการบินให้พร้อมก่อน ซึ่งแต่ละสายการบินจะต้องเตรียมพร้อมทางด้านเทคนิคด้วย นอกจากนี้ ได้เตรียมการหาสนามบินเพิ่มเติมเพื่อเป็นทางเลือกมากขึ้น ในการ บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กลับบ้าน โดยจะใช้สนามบินเพิ่มอีก 1 แห่งจากที่มีสนามบินอู่ตะเภาแล้ว แต่ยังไม่ขอบอกว่าเป็นที่ใด เพราะอยู่ระหว่างตรวจสอบ ขณะเดียวกัน ทาง ตม.จะผ่อนปรนให้กับคนที่วีซ่าขาดเพราะถือเป็นกรณีพิเศษจริงๆ และไม่ใช่ความบกพร่องของนักท่องเที่ยว

 

ขอกองทัพอากาศใช้พื้นที่ บน.6


 

จากนั้นเวลา 19.30 น. ที่กระทรวงคมนาคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบินในสังกัด กระทรวงคมนาคม ว่า ที่ประชุมมีมติที่จะประสานไปยัง พล.อ.อ.อิทธิพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เพื่อขอใช้พื้นที่ บน.6 ในการให้บริการขนส่งผู้โดยสารที่จะเดินทางไปต่างประเทศ โดยจะให้ผู้โดยสารที่ยังคงติดค้างประมาณ 100,000 คน สามารถเช็กอินได้ที่เคาน์เตอร์เช็กอินการบินไทย บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ลาดพร้าว เบื้องต้นการบินไทยจัดเส้นทางการบินไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถไปต่อเครื่องบินยังประเทศดังกล่าวต่อไปยังภูมิ ลำเนาของตนเองได้ คาดว่าจะระบายผู้โดยสารได้วันละ 3,000-4,000 คัน จากเที่ยวบินที่คาดว่าจะสามารถทำการบินได้ 10-15 เที่ยวบิน/วัน จากเดิมที่ให้บริการได้ 30-40 เที่ยวบิน/วัน เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของเครื่องชักลากเครื่องบิน


รวบรวมจาก ไทยรัฐ

Offline DuraSail

  • จิตใจของฉันแข็งแกร่งดั่ง
  • Moderator
  • ราชาเทวะ
  • ***
  • Posts: 2,592
วันนี้มีบิน ที่บริษัทคนเยอะมาก
รู้สึกเห็นใจและขอบคุณพี่ๆที่มาช่วยกันตอบคำถาม
ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกันเป็นอย่างดี

ขอบคุณครับ O07

Offline omskygangster

  • ATT01/08
  • เสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่
  • ***
  • Posts: 892
คนแน่นเลยบริษัท พวกเราก็ช่วยกันดีเนอะ  E30

Offline Zeus

  • ATT01/08
  • เสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่
  • ***
  • Posts: 830
วันนี้ออกSIMเที่ยงคืนยังทำงานกันอยู่เลย
เฮ่อ....สงสารพนักงาน  สงสารบริษัทด้วย
(สงสารตัวเองด้วย สงสัยปีนี้จะอดได้กินโดนัท E08)
 O23 O23

Offline aekkung

  • ATT01/08
  • ราชาเทวะ
  • ***
  • Posts: 1,032
  • Together we fly
    • My Page @ Google
และมีข่าวว่า ปีนี้เงินเดือนจะไม่ขึ้นด้วยนะ

แต่มันก็ไม่กระทบเราเท่าไหร่ เพราะยังไงก็หวังกันที่เงินเดือน base แล้วอยู่ดี

Offline Zeus

  • ATT01/08
  • เสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่
  • ***
  • Posts: 830
และมีข่าวว่า ปีนี้เงินเดือนจะไม่ขึ้นด้วยนะ

แต่มันก็ไม่กระทบเราเท่าไหร่ เพราะยังไงก็หวังกันที่เงินเดือน base แล้วอยู่ดี
กรรมของบริษัท+กรรมของพนักงาน  O12.
.
.
.
 O33เอาสนามบินคืนมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา