นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงภาวะดัชนีหุ้นที่ร่วงลงกว่า 50 จุด ตามตลาดภูมิภาคจากผลกระทบภาวะวิกฤติสหรัฐฯลุกลาม เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้หารือกับนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับมาตรการที่จะใช้รับมือในการพยุงราคาหุ้นขณะนี้โดยจะขยายเพดานสำหรับการลงทุนในกองทุนหุ้นเพื่อการเกษียณอายุ (RMF) และกองทุนหุ้นระยะยาว LTF เพื่อยกเว้นภาษีกรณีที่นำเงินมาลงทุนได้ ไม่เกิน 15% หรือไม่เกิน 500,000 บาท เป็นไม่เกิน 30% หรือไม่เกิน 700,000 บาท อย่างไรก็ตามจะหารือกันอีกครั้งเพื่อแก้ไขข้อกำหนดใหม่ทั้งหมด
ด้านนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นจะมีสภาพที่ซบเซาต่อไปอีก 1-2 เดือน แต่ยืนยันว่าจะไม่ลดลงเหมือนปี 2540 และปัญหาในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากการกู้ยืมของทุกๆส่วน มากเกินจำเป็น แต่ขณะนี้ไม่มีปัญหา และบริษัทจดทะเบียนก็ไม่มีปัญหาขาดทุนเหมือนปี 2540 แต่มีกำไรรวมกันกว่า 600,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่า ตลาดหุ้นไทยจะไม่ตกลงไปเหลือ 200 จุด เหมือนปี 2540 อย่างไรก็ตาม จากปัญหาของสหรัฐฯได้ส่งสัญญาณถึงสมาชิกในการใช้สมมติฐานว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตในอัตราที่ติดลบ 1 ปี จนกระทบต่อเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัว และมีผลต่อเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวร้อยละ 3.5-4 เพื่อให้มองสถานการณ์ในลักษณะที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากที่สุด
ขณะที่นายประสงค์ วินัยแพทย์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยและตลาดอนุพันธ์ของไทย มีความผันผวนในระดับที่ไม่แตกต่างจากตลาดอื่นในภูมิภาค และจนถึงขณะนี้การซื้อขายหุ้นไม่มีผลกระทบถึงฐานะหรือเงินกองทุนของ บล.รวมทั้งการไถ่ถอนหน่วยลงทุนก็ยังอยู่ในระดับปกติ และเห็นว่าตลาดหุ้นไทยยังมีหุ้นที่มีพื้นฐานดี ให้ผลตอบแทนในระดับน่าสนใจ โดยมีหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีอยู่ถึง 344 หุ้น หรือคิดเป็น 65% ของหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ mai รวมทั้งมีหุ้นที่อัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 10% และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลกว่า 5% มีอยู่เกือบครึ่งหนึ่งของหุ้นทั้งหมด.
ข่าวจาก Thairath.co.th