• การใช้น้ำตาเทียมในภาวะตาแห้ง ศ.พญ.สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
สำหรับอาชีพที่เกี่ยวกับการบินหลายคนคงต้องเจอปัญหาภาวะตาแห้ง แน่นอนคงต้องชดเชยด้วยการหยอดน้ำตาเทียม ในสมัยก่อนการรักษาภาวะตาแห้งทำโดยพยายามใช้สารหล่อลื่น มีตั้งแต่การใช้ไข่ขาวและใช้ไขมันหยอดตาก่อนนอน การหยอดน้ำเกลือและน้ำมันชนิดต่างๆ จนในราว ค.ศ.1900 ความรู้เรื่องภาวะตาแห้งมีมากขึ้นมีการใช้สารที่เพิ่มความหนืดให้กับน้ำ ตลอดจนสารเพื่อเพิ่มระยะเวลาให้ยาอยู่ในตาได้นานขึ้น
สารหล่อลื่นหรือน้ำตาเทียมควรจะมีลักษณะใกล้เคียงกับน้ำตาปกติ ส่วนประกอบที่สำคัญ คือ polymer เพื่อให้น้ำตาเทียมมีความหนืด มีความตึงผิว ใช้ buffer เพื่อปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างที่พอเหมาะทำให้ไม่แสบตา มีส่วนของเกลือเพื่อควบคุม toxicity และเช่นเดียวกับยาหยอดทุกตัวที่เปิดใช้นานากว่า 24 ชั่วโมงจะต้องมีสาร preservative เพื่อป้องกันการเติบโตของจุลชีพที่อาจปนเปื้อนเข้าไปขณะหยอด น้ำตาเทียมก็เช่นกัน แต่สาร preservative เกือบทุกตัวมีผลทำลายเซลล์เยื่อบุผิวทั้งนั้น หากตาแห้งมากหยอดมากครั้งก็ทำให้สารนี้เป็นโทษและทำลายเยื่อบุผิวมากขึ้น อย่างไรก็ตามน้ำตาเทียมที่มี preservative ที่เป็นขวดใหญ่ ใช้สะดวก ใช้ได้นานกว่า ในปัจจุบันมีน้ำตาเทียมชนิดที่ไม่มี preservative เปิดแล้วต้องใช้ภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น เพื่อเลี่ยงพิษของ preservative
โดยสรุปน้ำตาเทียมที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 ชนิด ชนิดใช้ได้นานมักจะบรรจุในขวดขนาดเล็กปกติใช้ภายใน 1 เดือน กับ ชนิดใช้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง จะมีลักษณะเป็นแผงของหลอดพลาสติกใสๆ ซึ่งคิดค่าใช้จ่ายแล้วจะมีราคาแพงกว่า การจะเลือกใช้น้ำตาเทียมชนิดไหนขึ้นกับโรคและความรุนแรง โดยทั่วไปถ้าตาไม่แห้งมาก ควรเริ่มจากชนิดขวดใหญ่ แต่ควรพิจารณาใช้ชนิดที่มีอายุการใช้งาน 24 ชั่วโมงเมื่อ
• ภาวะตาแห้งค่อนข้างรุนแรง ต้องหยอดน้ำตาเทียมมากกว่า 4 ครั้งต่อวันเป็นเวลานาน
• ผู้ที่มีประวัติแพ้สาร preservative
• ผู้ที่มีโรคของผิวกระจกตา เซลล์ของผิวกระจกตาไม่ค่อยสมบูรณ์ การใช้น้ำตาเทียมแบบมี preservative ทำให้ผิวกระจกตาเสียมากขึ้น